a friend indeed - mb&f€¦ ·...

2

Upload: others

Post on 17-Aug-2020

0 views

Category:

Documents


0 download

TRANSCRIPT

Page 1: A FRIEND INDEED - MB&F€¦ · นาฬิการุ่นใหม่ล่าสุดของแบรนด์ mb&f a friend indeed watch review บ่ายแก่ๆวันหนึ่งที่ล็อบบี้
Page 2: A FRIEND INDEED - MB&F€¦ · นาฬิการุ่นใหม่ล่าสุดของแบรนด์ mb&f a friend indeed watch review บ่ายแก่ๆวันหนึ่งที่ล็อบบี้

ภาพ

: CO

UR

TES

Y O

F FR

ED

ER

IQU

E C

ON

STA

NT

ภาพ

: NA

MTH

IP, C

OU

RTE

SY

OF

MB

& F

พูดคุยกับ CHARRIS YADIGAROGLOU หนึ่งในเพื่อนของ MAXIMILIAN BUSSER ถึง HM5 นาฬิการุ่นใหม่ล่าสุดของแบรนด์ MB&F

A FRIEND INDEED

WAT C H R E V I E W

บ่ายแก่ๆวันหนึ่งที่ล็อบบี้เลาจน์ของโรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ ชายที่ชื่อฮาร์ริส ยาดีกาโรกลู (Charris Yadigaroglou)

มาพบกับเราพร้อมกับนาฬิกาเอชเอ็ม ไฟว์ (HM5) นาฬกิาดไีซนล์้ำาซึง่เปน็นวตักรรมใหมล่า่สดุของเอม็บ ีแอนด์ เอฟ (MB&F) บนข้อมือ บุรุษผู้ดำารงตำาแหน่งซีซีโอ (Chief Communications Officer) ของเอ็มบี แอนด์ เอฟผู้นี้มาพบกับเราด้วยท่าทางสบายๆ และรอยยิ้มที่เป็นมิตร ซึ่งชวนให้เรานึกถึงแม็กซิมิเลียน บุซเซอร์ (Maximillian Busser) ผู้ก่อตั้งแบรนด์เอ็มบี แอนด์ เอฟ ขึ้นมาตะหงิดๆ “แบรนด์เอ็มบี แอนด์ เอฟ หมายถงึ Maximillian Busser and Friends ครบั ผมก็คงนับว่าเป็นเพื่อนคนหนึ่งของเขาก็ได้มั้ง เพราะเราก็รู้จักกันมาก่อนที่ผมจะเข้ามาทำางานกับเขา”

จากประวัติที่ผ่านการทำางานด้านการตลาดให้กบัเกรย ์แอดเวอรไ์ทซิง่ (Grey Advertising) และเครอืโรงแรมใหญ่อย่างเครือเคมปินสกี้มาแล้ว ฮาร์ริสกล่าวว่าเขาตัดสินใจย้ายมาทำางานที่เอ็มบี แอนด์ เอฟเพราะประทับใจในตัวแม็กซิมิเลียนและแนวคิดของเขาโดยแท้ “ผมนับถือแม็กซ์มากครับ เขาเคยอยู่กับ

แบรนดน์าฬกิาทีเ่รยีกไดว้า่ใหญม่าก เขาทำาใหแ้บรนด์กา้วหนา้ขึน้ แตแ่ลว้วนัหนึง่ ณ จดุสงูสดุของอาชพี เขาก็ตัดสินใจลาออกเพราะไม่รู้สึกสนุกกับการทำางานอีกต่อไป แล้วเขาออกมาตั้งแบรนด์เอ็มบี แอนด์ เอฟที่บ้านของเขาเอง ซึ่งผมคิดว่านั่นต้องอาศัยความกล้าหาญมากเลยนะ” ฮารร์สิบอก “เหตผุลอกีขอ้หนึง่กค็อืคอนเซ็ปต์ของแบรนด์นี่ล่ะครับ ที่นี่เหมือนเราทำางานกับเพื่อนๆที่มีความคิดคล้ายๆกัน ให้ความสำาคัญในสิ่งเดียวกัน ทุกคนเหมือนกับแม็กซ์ที่ให้ความสำาคัญกับการทดลอง จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ และ Creative Lab ของเราก็มีขึ้นเพราะสาเหตุนี้ เราสามารถลองทำาอะไรสนุกๆ คิดอะไรใหม่ๆที่แตกต่างไปจากขนบดั้งเดิม”

และผลงานสรา้งสรรคล์า่สดุของ Creative Lab นีก้ค็อืนาฬกิาโฮโรโลจคิลั แมชชนี นมัเบอร ์ไฟว ์ออน เดอะ โร้ด อะเกน (Horolorgical Machine No.5 On the Road Again) ที่ได้แรงบันดาลใจจากซูเปอร์คาร์ที่นิยมมากในช่วงยุค ‘70s “เราคิดกันว่ายุค’70s นี่มันเป็นจุดเปลี่ยนของมนุษยชาติเลยนะครับ คนขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์ได้เป็นครั้งแรก แล้วซูเปอร์คาร์ก็เกิดขึ้นในช่วงนั้นเหมือนกัน ที่สำาคัญคือรูปทรงของรถแบบนี้เรียกได้ว่าโมเดิร์นมาก และก็มีหน้าตาเป็น

เอกลักษณ์ ความโค้งและเส้นสายต่างๆ มันน่าสนใจมาก” ดีไซน์ของเอชเอ็ม ไฟว์ที่ออกมาจึงเน้นไปที่รูปทรงโค้งเว้าเช่นกัน โดยตัวหน้าปัดนั้นก็ออกแบบให้คลา้ยกบัแดชบอรด์ (dashboard) ของรถ “เหมอืนเราสร้างซูเปอร์คาร์ที่ประดับอยู่บนข้อมือของคุณไงครับ”

นอกจากซูเปอร์คาร์แลว แรงบันดาลใจจากยุค ‘70s อีกอย่างหนึ่งที่สะท้อนออกมาให้เห็นจากนาฬิการุ่นนี้คือกลไกแบบควอตซ์ เพราะยุคนี้เองที่เป็นต้นกำาเนิดของกลไกสุดคลาสสิกนี้ “ยุคนั้นมีแบรนด์นาฬิกาเล็กๆแบรนด์หนึ่งชื่ออามีด้า (Amida) แลว้แบรนดน์ีก้เ็ปน็หนึง่ในไมก่ีแ่บรนดท์ีใ่ชก้ลไกแบบควอตซก์บันาฬกิาทีด่ไีซนแ์นวโมเดริน์ ซึง่เรากป็ระทบัใจมากครับ แม้แบรนด์นี้จะเลิกกิจการไปแล้วก็ตาม สุดท้ายแล้วเอชเอ็ม ไฟว์ก็เลยออกมาอย่างที่เห็น ข้างนอกอาจจะดูหวือหวา แต่ข้างไหนก็ยังเป็นนาฬิกากลไกซับซ้อนตามแบบสวิต-เซอร์แลนด์นั่นเอง”

เมือ่ดจูากตระกลูโฮโรโลจคิลั แมชชนีทีเ่รยีงรายกนัออกมาในรปูแบบของยานพาหนะหลากหลายแลว้ ก็เป็นที่น่าสนใจว่าเอชเอ็ม 6 นั้นจะออกมาในรูปแบบใด สำาหรบัตอนนี ้นาฬกิาเอชเอม็ ไฟว ์ออน เดอะ โรด้ อะเกน ชุดแรกในตัวเรือนเซอร์โคเนียมผลิตขึ้นมาให้จับจองกันเพียง 66 เรือนเท่านั้น ■ ชิดสุภางค์