Transcript
Page 1: London Sydney London VS Sydney ความจริงที่ทุกคน ... · 2009-09-19 · ส่วนฝั่งออสเตรเลียยอดฮิตก็

ประสบการณ์นักเรียนนอกตอนที่ 2:

“ฮัลโหลๆพี่ฮาร์ทมีน้องใหม่มาเพียบเลยพี่ ช่วงนี้บรรยากาศคึกคัก“สายของเราชาวSmileCampusรายงานมาด่วนทั้งทางออสเตรเลียและฝั่งอังกฤษเพราะช่วงนี้น้องๆหลายคนเพิ่งเรียนจบมาหมาดๆในขณะที่บางส่วนเพิ่งเสร็จสิ้นการรับปริญญานักเรียนไทยหลายนามกำลังเตรียมตัวศึกษาต่อในขณะที่อีกหลายคนกำลังเรียนภาษาอยู่ที่เมืองนอกกันแล้วหลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการเรียนมา19ปี(อนุบาล-ปริญญาตรี)ขอไปใช้ชีวิตด้วยตัวเองที่เมืองนอกบ้างเรียนไปทำงานไปไม่ต้องขอเงินป่ะป๊าม่ะม๊ากันแล้วลอนดอน&ซิดนีย์เป็นสองเมืองที่นักเรียนไทยรุ่นแล้วรุ่นเล่านิยมไปชุบตัวมากที่สุดจริงหรือที่พูดไทยได้ก็อยู่รอด?ไปแล้วไม่ได้อะไรภาษาอังกฤษก็ไม่ดี?เดี๋ยวรู้กัน! สำหรับประเทศอังกฤษนั้นต้องขอบอกก่อนว่าNotOnlyLuxuriousไม่จำเป็นว่าต้องรวยถึงไปได้และมีข่าวลือต่างๆนานาว่าสถาบันในอังกฤษนั้นเก่าแก่แ ล ะอุ ปก รณ์ ก า ร เ รี ย นล้ า สมั ย ก ว่ า ออส เ ต ร เ ลี ย และสห รั ฐ อ เ ม ริ ก า อั นนี้เป็นสถาปัตยากรรมภายนอกเท่านั้นส่วนความทันสมัยนั้นขอบอกว่าเท่าเทียมกับประเทศอื่นๆชัวร์ส่วนเรื่องจริงที่ต้องยอมรับคือว่าบางสาขาวิชานั้นต้องเรียนที่อังกฤษถึงจะดีอันนี้คุยกันส่วนตัวจะดูดีกว่านะครับในขณะที่ค่าเล่าเรียนนั้นไม่แพงอย่างที่คิดครับพี่น้องพี่ฮาร์ทว่าที่ใครๆบอกว่าลอนดอนไร้สีสันเหมือนดูทีวีขาวดำนั้นต้องคิดผิดเพราะดูอย่างแท็กซี่ที่เรียกว่าLondonCabนั้นปัจจุบันมันก็ไม่ได้ดำสนิทมีสารพัดสีไม่ว่าฟ้าชมพูขาวมีปรากฏกันถ้วนหน้าจัดได้ว่าลอนดอนนั้นมีสีสันอย่างแท้จริงน้องๆที่เรียนในลอนดอนนั้นคงมีเหตุผลแตกต่างกันไปแต่ด้วยความเด่นเดิ้นดังและดีมันเลยโดนเข้าไปเต็มๆในใจของคนยุคใหม่ใฝ่เรียนทั้งชาวไทยและนานาชาติการเดินทางในเมืองนั้นมีรถไฟใต้ดิน(UndergroundหรือTube)ที่รวดเร็วทันใจโยงใยกันทุกทิศเลยทีเดียวแถมยังไปเมืองอื่นๆได้ง่ายอีกด้วย และที่มันโดนจริงๆก็คือผับ(PublicHouse)อย่าตีความเหมือนเมืองไทยนะครับเพราะมันต่างกันอย่างสิ้นเชิงผับอังกฤษนั้นคือที่ขายเหล้าเบียร์และอาหารสำหรับทุกคนที่อายุมากกว่า18ปีนะจะบอกให้เป็นแหล่งพบปะพูดคุยสนทนาเรื่องต่างๆเช่นการเมืองการเม้าท์และการศึกษา(นักเรียนไทยชอบคุยกันเรื่องรายงานและเรื่องชาวบ้านฮิฮิ )ส่วนบรรยากาศในเมืองก็ต้องนี่ เลยขึ้นรถเมล์สีแดงสองชั้นเข้าพิพิธภัณฑ์ยามว่างกินอาหารกลางวันใกล้บิ๊กเบนแล้วงีบสักหน่อยที่ไฮด์ปาร์คอาฟเตอร์นูนทียามหิวแล้วดูวิวต่อที่ลอนดอนอายส์ตกบ่ายก็ไปช้อปปิ้งที่แฮร์รอดส์เงินช้อตก็ไปแค่แพตติโค้ตเลนตอนเย็นก็เข้าผับเพราะเมาไม่ขับขึ้นทูบกลับได้อ้าว!ลืมไปเมื่อเช้าไม่ได้เข้าเรียนแต่เรียนไปทำงานไปเดี๋ยวก็จบหรือไม่ก็พบรักแล้วแต่งงานน้องๆครับลอนดอนมีสีสันกว่าที่คิด ส่วนฝั่งออสเตรเลียยอดฮิตก็ติดอันดับนักเรียนไทยไม่แพ้กันเมื่อตอนที่พี่ฮาร์ทจบปริญญาตรีหมาดๆเพื่อนๆก็ชักชวนกันไปเรียนต่อนอกบางคนก็ไม่ต่อปริญญาโทแต่ไปเรียนหลักสูตรที่ราคาไม่แพงและเน้นการทำงานหาประสบการณ์ในต่างแดน

พี่ฮาร์ทเองก็โนไอเดียเลยว่างั้นเป็นBackpackerไปยุโรปทุกปีตั้งแต่อายุ18เห็นทีถ้าไปเรียนนานๆคงเบื่อแน่ๆเลยตกลงกับเพื่อนอีกสองคนว่าถ้างั้นไปออสเตรเลียดีกว่าเพราะยังไม่เคยไปอีกทั้งได้ยินคำล่ำลือว่าเป็นดินแดนแห่งการศึกษาเหมือนอังกฤษและล้ำสมัยด้านเทคโนโลยีเหมือนสหรัฐอเมริกาว่ากันว่าเมืองซิดนีย์เป็นเมืองใหญ่ที่ศิวิไลย์ที่สุดเป็นที่ตั้งของOperaHouseและHarborBridgeอันโด่งดังนอกจากนี้SydneyHarborได้ชื่อว่าเป็นอ่าวที่สวยงามที่สุดในโลกอีกด้วยชื่อถนนในเมืองนั้นเหมือนลอนดอนเลยแถมยังมีHydeParkเหมือนกันเป๊ะแต่ค่าครองชีพถูกกว่าลิบลับจัดได้ว่าใกล้เคียงกับประเทศไทยเราเลยครับพี่ฮาร์ทจำได้ว่าเมื่อตอนขึ้นเครื่องไปซิดนีย์ครั้งแรกนั้นด้วยความตื่นเต้น8ชั่วโมงนั้นไวเหมือนโกหกก็ถึงแดนจิงโจ้และโคอาล่าที่คนทั่วโลกใฝ่ฝันที่จะได้มาเยือน คนออสซี่นั้นจัดได้ว่าต้อนรับนักศึกษาไทยดีและเป็นมิตรมั่กๆโฮมสเตย์ที่พี่ฮาร์ทได้นั้นดีจริงๆเพราะไม่ค่อยจุกจิกเรื่องชาวบ้านเหมือนบางที่แต่แหมก็เค้าเป็นห่วงเห็นมาต่างบ้านต่างเมืองจะไปว่าเขาก็ไม่ถูกที่ซิดนีย์ก็มีรถไฟคล้ายๆลอนดอนนั่นแหละต่างกันแค่มันอยู่ใต้ดินเฉพาะในใจกลางเมืองเท่านั้นเองเรื่องอาหารการกินนั้นขอบอกเลิศสุดๆครับพี่น้องอินเตอร์จริงๆมีทุกชาติญี่ปุ่นเวียดนามเกาหลีอิตาลีฝรั่งเศสแต่ชาติไทยเยอะสุดร้านส้มตำปูปลาร้าชื่อดังนั้นอยู่ใจกลางเมืองเลยดังนั้นอย่าห่วงเรื่องอาหารขอบอกมีไชน่าทาวน์ไม่พอที่นี่มีไทยทาวน์ด้วยลอนดอนมีผับเยอะแค่ใหนซิดนีย์ก็สู้ตายเช่นกันครับที่แตกต่างกันจริงก็สภาพอากาศครับซิดนีย์มีครบทุกฤดูกาลและไม่หนาวสะท้านเหมือนลอนดอนและยังมีทะเลด้วย เอาล่ะครับไม่ว่าจะลอนดอนหรือซิดนีย์มันก็ดีทั้งสองเมืองแหละครับการศึกษาของทั้งอังกฤษและออสเตรเลียเค้าสอนให้รับผิดชอบตัวเองทำงานกันเป็นทีม(เม้าท์ได้แต่ห้ามกัดกันเอง)น้องๆจึงต้องปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมอันหลากหลายให้เป็นหนึ่งเดียว(มันยากแต่ต้องพยายาม)แลกเปลี่ยนความคิดระหว่างผู้เรียนและผู้สอนเป็นอะไรที่อบอุ่นแถมแต่ละสถาบันมีแผนกช่วยเหลือด้านการเรียนด้วยส่วนเรื่องข่าวลือทั้งหลายด้วยความที่เป็นเมืองใหญ่ปัญหาจึงมีมากเป็นธรรมดาคนมันเยอะทุกชาติครับทั้งเอเชียและยุโรปนักเรียนไทยมักจับกลุ่มกันเองเพราะความอายที่จะพูดอังกฤษไม่ต้องอายหรอกอะไรที่มันไม่ควรอายน่ะครับดังนั้นที่ว่าเมืองที่คนไทยเยอะไปแล้วไม่ได้อะไรนั้นมันขึ้นอยู่กับการใช้ชีวิตมากกว่าบางคนไปเมืองเล็กๆแล้วคบกันแค่คนไทย3คนผลก็ออกมาไม่ดีเหมือนกันครับขอบอกแต่ถ้าเลี่ยงเมืองใหญ่ได้ก็จะเจอคนไทยน้อยโอกาสการพูดภาษาอังกฤษก็จะมีมากขึ้นครับบางคนคบเพื่อนญี่ปุ่นเยอะๆจนพูดญี่ปุ่นได้ก็มีล่าสุดนายก้องศรีเพื่อนรักจากโกลด์โคสก็เป็นฝั่งเป็นฝากับญี่ปุ่นไปแล้วส่วนพี่ฮาร์ทบางทีเจอฝรั่งขี้อวดก็เลยหลอกให้มันกินวาซาบิไปทั้งก้อนเลยสะใจจริงๆ

London VS Sydney ความจริงที่ทุกคนอยากรู้!

London

Sydney

Top Related