องค์ความรู้...

30

Upload: others

Post on 22-May-2020

0 views

Category:

Documents


0 download

TRANSCRIPT

Page 1: องค์ความรู้ เรื่อง203.157.10.11/pmqa53/wp-content/uploads/km/data.pdf · 2011-03-22 · 2 การด าเนินการตามระบบคุณภาพที่ส
Page 2: องค์ความรู้ เรื่อง203.157.10.11/pmqa53/wp-content/uploads/km/data.pdf · 2011-03-22 · 2 การด าเนินการตามระบบคุณภาพที่ส

องค์ความรู ้

เรื่อง

คู่มือการจัดเก็บข้อมูล

จัดท าโดย คณะท างานพัฒนาการจัดการความรู้ฯ หมวด 4 ส านักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2553

Page 3: องค์ความรู้ เรื่อง203.157.10.11/pmqa53/wp-content/uploads/km/data.pdf · 2011-03-22 · 2 การด าเนินการตามระบบคุณภาพที่ส

ค าน า ตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ ได้ก าหนดตัวชี้วัด “ระดับความส าเร็จของ การพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ” หมวด 4 การวัด การวิเคราะห์ และการจัดการความรู้ ประจ าปีงบประมาณ 2553 ข้อ IT 7 ให้ส่วนราชการต้องจัดท าแผนการจัดการความรู้ โดยส่งเสริมและพัฒนาระบบบริหารจัดการความรู้และน าแผนไปสู่การปฏิบัติ เพ่ือมุ่งมั่นให้ส่วนราชการมีการขยายผลการด าเนินงาน การจัดการความรู้โดยการส่งเสริมและพัฒนาระบบริหารจัดการความรู้ในส่วนราชการให้ต่อเนื่องจากปีงบประมาณที่ผ่านมา และให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในองค์ความรู้ที่ส าคัญที่จะมีผลต่อการปฏิบัติราชการตามประเด็นยุทธศาสตร์ ได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ซึ่งคณะท างานพัฒนาการจัดการความรู้ด้านการปฏิบัติงาน ตามค ารับรอง การปฏิบัติราชการ ส านักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ประจ าปีงบประมาณ 2553 ได้ร่วมกันระดมสมองเพ่ือพิจารณาองค์ความรู้ที่สนับสนุนประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 1 การเสริมสร้างจิตส านึกและพฤติกรรมสุขภาพที่ดีโดยส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน องค์ความรู้ที่จ าเป็นที่จะสามารถวัดผลส าเร็จตามเป้าหมายที่ส่วนราชการตั้งไว้ จ าเป็นต้องมีข้อมูลส าหรับการรายงานผลผลิตของส่วนราชการนั้นๆ คือ “การพัฒนาระบบข้อมูลเพื่อการรายงานผลผลิตของส่วนราชการ” โดยแบ่งองค์ความรู้ออกเป็น 3 องค์ความรู้ ได้แก่

1. องค์ความรู้การพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารและสารสนเทศสุขภาพ 2. องค์ความรู้การจัดท าคู่มือการจัดเก็บข้อมูล 3. องค์ความรู้การรายงานผลการด าเนินงาน

ส าหรับองค์ความรู้ เล่มนี้ เรื่อง “องค์ความรู้การจัดท าคู่มือการจัดเก็บข้อมูล” ได้รวบรวมความรู้ที่เกี่ยวข้องและจัดท าเป็นรูปเล่มน ามาเผยแพร่แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นประโยชน์ในการปฏิบัติงานการพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารต่อไป

อย่างไรก็ตามองค์ความรู้เล่มนี้ ไม่สามารถจัดท าและใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากไม่ได้รับความร่วมมือจากคณะท างานที่เป็นตัวแทนจากหน่วยงานทุกแห่งของส านักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข และความอนุเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิที่กรุณาให้ข้อเสนอแนะในการจัดท า จึงขอขอบคุณมา ณ ที่นี่

คณะท างานพัฒนาการจัดการความรู้ หมวด 4

ส านักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2553

Page 4: องค์ความรู้ เรื่อง203.157.10.11/pmqa53/wp-content/uploads/km/data.pdf · 2011-03-22 · 2 การด าเนินการตามระบบคุณภาพที่ส

สารบัญ

หน้า ค าน า ก สารบัญ ข การก าหนดเรื่องและวัตถุประสงค์ในการจัดเก็บข้อมูล 1 การก าหนดแหล่งข้อมูลและกลุ่มเป้าหมายในการจัดเก็บข้อมูล 2 การก าหนดเครื่องมือที่ใช้ในการจัดเก็บข้อมูล 3 การจัดท าคู่มือและทดลองใช้ 22 การรายงานผลการจัดเก็บข้อมูล 23 บรรณานุกรม 25

Page 5: องค์ความรู้ เรื่อง203.157.10.11/pmqa53/wp-content/uploads/km/data.pdf · 2011-03-22 · 2 การด าเนินการตามระบบคุณภาพที่ส

การจัดเก็บข้อมลู

ข๎อมูล คือ ข๎อเท็จจริงที่เกิดข้ึนในเหตุการณ์ตํางๆ ที่ได๎จากการสังเกต การจดบันทึก การสัมภาษณ์ และการสอบถาม เมื่อมีความจ าเป็นต๎องใช๎ข๎อมูล เราอาจด าเนินการเก็บรวบรวมด๎วยตนเองหรืออาจน าเอาข๎อมูลจากแหลํงที่มีผู๎รวบรวมไว๎แล๎วมาใช๎ก็ได๎ ที่จ าเป็นต๎องเก็บรวบรวมเองอาจเป็นเพราะข๎อมูลที่เราต๎องการใช๎ไมํสามารถหาได๎เลยไมํวําจากแหลํงใด หรือข๎อมูลดังกลําวพอหาได๎แตํไมํแนํใจวําจะเชื่อถือได๎ อยํางไรก็ตาม ปัจจัยที่ส าคัญในการตัดสินใจวําจะด าเนินการเก็บรวบรวมข๎อมูลด๎วยตนเองหรือไมํ คือเวลาและคําใช๎จํายในการด าเนินงาน โดยทั่วไปการด าเนินการเก็บรวบรวมข๎อมูลเป็นกระบวนการที่ต๎องใช๎เวลาและเสียคําใช๎จํายสูง นอกจากนี้มักจะต๎องใช๎คนด าเนินงานเป็นจ านวนมาก ดังนั้นในการเก็บรวบรวมข๎อมูลที่ส าคัญๆ และมีขอบเขตกว๎างขวาง เชํน ข๎อมูลเกี่ยวกับประชากร การเกษตร อุตสาหกรรม คมนาคม เป็นต๎น ซึ่งมีกระบวนการในการจัดเก็บข๎อมูล ดั้งนี้

1. การก าหนดเรื่องและวัตถุประสงค์ในการจัดเก็บข๎อมูล 2. การก าหนดแหลํงข๎อมูลและกลุํมเป้าหมายในการจัดเก็บข๎อมูล 3. การก าหนดเครื่องมือที่ใช๎ในการจัดเก็บข๎อมูล 4. จัดท าคูํมือและทดลองใช๎ 5. การรายงานผลการจัดเก็บข๎อมูล

การก าหนดเรื่องและวัตถุประสงค์ในการจัดเก็บข้อมูล การก าหนดเรื่องและวัตถุประสงค์ในการจัดเก็บข๎อมูล เป็นการก าหนดวําต๎องการศึกษาในประเด็น

ใดบ๎าง ในเรื่องที่จะใช๎ประโยชน์ ต๎องชัดเจน และเฉพาะเจาะจง ไมํคลุมเครือ โดยบํงชี้ถึงสิ่งที่จะท า รวมทั้งขอบเขต ทั้งในระยะสั้น และระยะยาว การตั้งวัตถุประสงค ์ต๎องให๎สมเหตุสมผล วัตถุประสงค์ กลําวถึงสิ่งที่ คาดหวัง (Implication) หรือสิ่งที่คาดวําจะเกิดขึ้น จากการเก็บรวบรวมข๎อมูลนี้ เป็นการแสดงรายละเอียด เกี่ยวกับจุดมุํงหมาย พรรณนาถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นจริง โดยอธิบายรายละเอียดวํา จะท าอะไร โดยใคร ท ามากน๎อยเพียงใด ที่ไหน เมื่อไร และเพ่ืออะไร ตัวอยํางเชํน เพ่ือให๎ประชาชนสามารถพัฒนาชีวิตความเป็นอยูํของตนเองและครอบครัว ให๎มีคุณภาพชีวิตที่ดี

อยํางน๎อยผํานเหณฑ์ความจ าเป็นพ้ืนฐานประโยชน์ของการใช๎ความจ าเป็นพ้ืนฐานในการพัฒนาคุณภาพชีวิต

เพ่ือชํวยให๎ผู๎ประกอบการและผู๎ดูแลระบบเข๎าใจวัตถุประสงค์ที่แท๎จริงของการเก็บข๎อมูลจราจร (Traffic Data) ตามมาตรา 26 ของ พรบ. การกระท าผิดด๎วยคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550

เพ่ือให๎ผู๎ประกอบการและผู๎ดูแลระบบเข๎าใจวิธีการเก็บข๎อมูลจราจร (Traffic Data) ที่ถูกต๎องตามมาตรา 26 ของ พรบ. การประท าผิดด๎วยคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550

Page 6: องค์ความรู้ เรื่อง203.157.10.11/pmqa53/wp-content/uploads/km/data.pdf · 2011-03-22 · 2 การด าเนินการตามระบบคุณภาพที่ส

2

การด าเนินการตามระบบคุณภาพที่ส าคัญจะอยูํที่การวางแผน (Plan) การสร๎างกลไกควบคุมตลอดจนการปฏิบัติงานตามองค์ประกอบตํางๆ ที่มีผลตํอคุณภาพ (Do) และจัดให๎มีการตรวจสอบและการประเมินผลการด าเนินงานของหนํวยงาน (Check) เพ่ือทให๎ทราบถึงจุดอํอน จุดแข็ง ที่จะน าไปสูํการพัฒนาปรับปรุงคุณภาพการจัดการศึกษา (Adjust/act) อยํางตํอเนื่อง

การก าหนดแหล่งข้อมูลและกลุ่มเป้าหมายในการจัดเก็บข้อมูล การก าหนดแหลํงข๎อมูลและกลุํมเป้าหมายที่น ามาประมวลผลเพ่ือให๎เป็นประโยชน์สามารถจ าแนกตามแหลํงที่มาของข๎อมูลได๎ 2 ประเภท คือ

1. แหลํงข๎อมูลภายในองค์กร แบบนี้จะเป็นการเก็บข๎อมูลที่เกิดขึ้นภายในหนํวยงานของตนเอง เชํน ข๎อมูลในโรงพยาบาล ข๎อมูลของนักเรียน ข๎อมูลในบริษัท เป็นต๎น

2. แหลํงข๎อมูลภายนอกองค์กร เป็นข๎อมูลที่ได๎มาจากแหลํงอ่ืนที่อยูํนอกหนํวยงาน ซึ่งข๎อมูลเหลํานี้สํวนมากจะเป็นขอ๎มูลที่มี ความพิเศษกวําข๎อมูลภายในองค์กร เพราะต๎องอาศัยความสามารถของหนํวยงานอ่ืนเข๎ามาเก่ียวข๎อง เพื่อความเหมาะสม และ ความเป็นธรรมของข๎อมูลนั้นๆ เชํน ต๎องการทราบอัตราการใช๎จ านวนไฟฟ้าที่มีจ านวนมากที่สุด 10 อันดับต๎นของประเทศ จะเห็น วําการต๎องการทราบข๎อมูลเหลํานี้จะต๎องอาศัยแหลํงข๎อมูลของที่อ่ืน เชํน หนํวยงานการไฟฟ้า หนํวยงานจัดเก็บคําไฟฟ้า เป็นต๎น

การก าหนดระยะเวลาในการจัดเก็บข้อมูล ผู๎เก็บรวบรวมข๎อมูลต๎องระบุถึงระยะเวลาที่จะใช๎ในการด าเนินงานทั้งหมดวําจะใช๎เวลานานเทําใด และต๎องระบุระยะเวลาที่ใช๎ส าหรับแตํละขั้นตอนของการด าเนินการ วิธีการเขียนรายละเอียดของหัวข๎อนี้อาจท าได๎ 2 แบบ ตามที่แสดงไว๎ในตัวอยํางตํอไปนี้ (การด าเนินงานใช๎เวลาด าเนินการ 12 เดือน) ตัวอย่างท่ี 1 ก. ขั้นตอนการเตรียมการ : ค๎นหาชื่อเรื่องหรือปัญหาที่จะท า (3 เดือน)

1. ศึกษาเอกสารและรายงานการวิจัยที่เก่ียวข๎อง 2. ติดตํอหนํวยงานที่เกี่ยวข๎อง (ขออนุมัติด าเนินการ,ติดตํอผู๎น าชุมชน,เตรียมชุมชน) และ

รวบรวมข๎อมูลตํางๆ ที่จ าเป็น 3. สร๎างเครื่องมือที่ใช๎ในการเก็บรวบรวมข๎อมูล 4. จัดหาและฝึกอบรมผู๎ชํวยในการจัดเก็บข๎อมูล 5. ทดสอบและแก๎ไขเครื่องมือที่ใช๎ในการจัดเก็บข๎อมุล

ข. ขั้นตอนการเก็บข๎อมูล (2 เดือน) 6. เลือกประชากรเป้าหมาย 7. สัมภาษณ์ประชากรเป้าหมาย

ค. ขั้นตอนการประมวลผลข๎อมูลและการวิเคราะห์ข๎อมูล (3 เดือน) 8. ลงรหัส ตรวจสอบรหัส น าข๎อมูลเข๎าเครื่อง และท าการบรรณาธิการด๎วยเครื่องคอมพิวเตอร์

Page 7: องค์ความรู้ เรื่อง203.157.10.11/pmqa53/wp-content/uploads/km/data.pdf · 2011-03-22 · 2 การด าเนินการตามระบบคุณภาพที่ส

3

9. เขียนโปรแกรมเพ่ือท าการวิเคราะห์ข๎อมูล โดยใช๎สถิติตํางๆ ตามที่ก าหนดไว๎ รวมทั้งแปลผลข๎อมูล ง. การเขียนรายงาน และการเผยแพรํผลงาน (4 เดือน)

10. เขียนรายงานผลการด าเนินงาน 3 เดือน 11. จัดพิมพ์ 1 เดือน

การก าหนดเครื่องมือที่ใช้ในการจัดเก็บข้อมูล

การก าหนดเครื่องมือที่ใช๎ในการจัดเก็บข๎อมูลนั้น ควรรู๎จักกับประเภทของข๎อมูลกํอนวําข๎อมูลสามารถแบํงได๎จากรูปแบบของข๎อมูล โดยสามารถจ าแนกออกเป็น 2 ประเภท ได๎แกํ

1. ข๎อมูลชั้นต๎น หรือ ข๎อมูลปฐมภูมิ (Primary data) เป็นข๎อมูลทางตรง ที่พบ หรือประสบด๎วยตน หรือถ๎าเป็นการเขียน ต๎องเป็นการเขียนรวบรวมไว๎เป็นครั้งแรก จากผู๎เขียนโดยตรง ข๎อมูลขั้นปฐมภูมินี้บางครั้งอาจจะเป็นข๎อมูลที่ไมํถูกต๎องจากความเป็นจริง เพราะยังไมํได๎วิเคราะห์ข๎อมูล เชํน การส ารวจมด จากการส ารวจด๎วยตาเปลําอาจจะมองเห็นวํามดไมํมีขนที่บริเวณรอบๆ รํางกาย แตํในความเป็นจริงถ๎าน ามดมาสํองด๎วยกล๎อง จุลทรรศน์ จะเห็นวํามดจะมีขนรอบๆ รํางกาย

2. ข๎อมูลชั้นที่สอง หรือ ข๎อมูลทุติยภูมิ (Secondary data) เป็นข๎อมูลที่ได๎จากบันทึกของบุคคลอ่ืน หรือการบอกกลําวถํายทอดตํอเนื่องมาจากผู๎อ่ืน เชํน การค๎นคว๎าเอกสารในห๎องสมุด การอํานหนังสือ การดูโทรทัศน์ การฟังรายการขําว เป็นต๎น

เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล

ข๎อมูลเป็นสิ่งส าคัญที่จะตอบปัญหาในเรื่องที่สนใจหรือทดสอบสมมุติฐานที่จะสรุปหาข๎อยุติของความจริง ข๎อมูลมีลักษณะเชํน ข๎อมูลทางการเกษตร อาจเกี่ยวข๎องกับความเป็นกรดเป็นดํางของดิน การใสํปุ๋ยสูตรตําง ๆ พันธุ์พืช พันธ์สัตว์ ฯลฯ หรือข๎อมูลทางสังคม อาจเกี่ยวกับสภาพสํวนตัว เชํน เพศ อายุ อาชีพ ศาสนา เชื้อชาติ เป็นต๎น หรือเกี่ยวกับพฤติกรรม เชํน ความคิดเห็น ทัศนคติ แรงจูงใจ เป็นต๎น การที่จะได๎ข๎อมูลมาใช๎นั้น จ าเป็นต๎องมีสิ่งที่ชํวยให๎ได๎ข๎อมูลออกมา ซึ่งสิ่งนั้นเรียกเครื่องมือที่ใช๎ในการเก็บรวบรวมข๎อมูล เครื่องมือส าคัญๆ ที่ใช๎ในการเก็บรวบรวมข๎อมูล อันประกอบด๎วยแบบสอบถาม (Questionnaire) แบบส ารวจ (inventory หรือ checklist) และแบบทดสอบ (test)

แบบสอบถาม แบบสอบถาม หมายถึง ชุดของค าถามซึ่งรวบรวมขึ้นอยํางมีกฏเกณฑ์วิธีการ เพ่ือใช๎เก็บรวบรวมข๎อมูลเกี่ยวกับความคิด ความเชื่อ ทัศนคติจากบุคคลตําง ๆ ตามวัตถุประสงค์ของการวิจัยแตํละเรื่อง ผู๎วิจัยอาจน าแบบสอบถามไปสํงเอง หรือสํงทางไปรษณีย์ให๎ประชากรหรือกลุํมตัวอยํางเป็นผู๎ตอบแบบสอบถาม แล๎วสํงกลับคืนให๎ผู๎วิจัย เพ่ือจะได๎น าค าตอบมาวิเคราะห์ตีความหมายตํอไป การสร๎างแบบสอบถามควรด าเนินการเป็นขั้นตอนทั้งหมด 7 ขั้นตอน ดังนี้

Page 8: องค์ความรู้ เรื่อง203.157.10.11/pmqa53/wp-content/uploads/km/data.pdf · 2011-03-22 · 2 การด าเนินการตามระบบคุณภาพที่ส

4

(1) ก าหนดข้อมูลที่ต้องการ กํอนที่จะสร๎างแบบสอบถาม ผู๎สร๎างต๎องถามตนเองวํา การเก็บรวบรวมข๎อมูลเพื่อจะใช๎ในการวิจัยครั้งนี้ต๎องการข๎อมูลอะไรบ๎าง มีตวัแปรอะไรบ๎างที่จะต๎องน ามาพิจารณา ซึ่งหากหาค าตอบเหลํานี้ได๎จากปัญหาของการวิจัยและวัตถุประสงค์ของการวิจัย แล๎วพยายามแยกปัญหาของการวิจัยหรือวัตถุประสงค์ของการวิจัยออกเป็นหัวข๎อยํอยๆ ให๎มากที่สุด พร๎อมกับจดไว๎อยํางครําวๆ เชํน การวิจัยเรื่องหนึ่ง ก าหนดปัญหาของการวิจัยวํา การวิจัยครั้งนี้ต๎องการทราบปัจจัยที่มีอิทธิพลตํอการปฏิบัติงานของเจ๎าหน๎าที่สํงเสริมการเกษตรในภาคใต๎ จากปัญหาในการวิจัยครั้งนี้อาจก าหนดข๎อมูลที่ต๎องการได ๎ โดยน าปัญหาการวิจัยนี้มาวิเคราะห์แยกประเด็นออกเป็นหัวข๎อยํอย ดังนี้ ปัจจัยทางดา๎นภาษา ปัจจัยทางด๎านขนบธรรมเนียม-ประเพณ ี ปัจจัยทางด๎านความเชื่อ ปัจจัยทางด๎านศาสนา ปัจจัยทางด๎านเศรษฐกิจ ปัจจัยทางด๎านการเมือง

(2) การก าหนดประเภทของแบบสอบถาม การเลือกใช๎แบบสอบถามประเภทใด จะต๎องค านึงถึงลักษณะของข๎อมูล การวิเคราะห์ข๎อมูลและกลุํมตัวอยํางที่จะศึกษา ประเภทของแบบสอบถามที่ดี ควรมีลักษณะที่ตอบได๎งําย ให๎ความสะดวกแกํผู๎ตอบและผู๎วิจัยในการวิเคราะห์ข๎อมูล รวมทั้งมีลักษณะจูงใจให๎นําตอบ ประเภทของแบบสอบถามมี 2 ประเภทใหญํๆ คือ (2.1) แบบสอบถามแบบปลายเปิด เป็นแบบสอบถามที่ตั้งค าถามกว๎างๆ ใช๎เมื่อต๎องการความคิดเห็นตํางๆ ตัวอยํางเชํน กรุณาเขียนข๎อเสนอแนะที่เป็นความคิดเห็นของทํานในปัจจัยตํางๆ ที่ทํานเห็นวําควรมีการปรับปรุงแก๎ไข เพ่ือให๎การปฏิบัติงานของเจ๎าหน๎าที่ เอ็น จี โอ ดีขึ้น ด๎านภาษา 1)...................................................................................................................................... 2)...................................................................................................................................... 3)..................................................................................................................................... (2.2) แบบสอบถามแบบปลายปิด เป็นแบบสอบถามที่ตั้งค าถามไว๎ แล๎วจัดเตรียมค าตอบไว๎ให๎เสร็จ ผู๎ตอบเพียงแตํเลือกค าตอบจากค าตอบที่ก าหนดให๎เทํานั้น แบบสอบถามประเภทนี้ ยังแบํงได๎อีกหลายประเภท ที่นิยมใช๎กันม ี 5 แบบ ดังนี้

Page 9: องค์ความรู้ เรื่อง203.157.10.11/pmqa53/wp-content/uploads/km/data.pdf · 2011-03-22 · 2 การด าเนินการตามระบบคุณภาพที่ส

5

1) แบบให๎เลือกตอบอยํางใดอยํางหนึ่งใน 2 อยําง คือ ก าหนดค าตอบไว๎ 2 ค าตอบแล๎วให๎เลือก 1 ค าตอบ อาจจะถามเป็นบอกเลําหรือปฏิเสธ แล๎วก าหนดค าตอบเป็น ใชํ ไมํใชํ สนใจ ไมํสนใจ เคย ไมํเคย เห็นด๎วย ไมํเห็นด๎วย ถูก ผิด หรือก าหนดเป็นลักษณะบอกเลําก็ได๎ เชํน - หญิง ฯลฯ ดังตัวอยํางเชํน ทํานเคยศึกษาเลําเรียนในสถานศึกษาเขตภาคใต๎หรือไมํ ( ) เคย ( ) ไมํเคย

2) แบบให๎เลือกตอบ 1 ค าตอบ จากหลายค าตอบ เป็นแบบที่ก าหนดค าตอบไว๎หลายค าตอบแล๎วให๎ผู๎ตอบเลือกเพียง 1 ค าตอบ ดังตัวอยํางเชํน รายได๎ตํอเดือนของครอบครัวทําน รวมทั้งเงินเดือนและรายไดอ่ื๎น ๆ ประมาณ ( ) ต่ ากวํา 3,000 บาท ( ) 3,000 - 4,999 บาท ( ) 5,000 - 6,999 บาท ( ) 7,000 - 8,999 บาท ( ) 9,000 บาท ขึ้นไป

3) แบบให๎เลือกมากกวํา 1 ค าตอบ จากหลายค าตอบ เป็นแบบที่ก าหนดค าตอบไว๎หลายค าตอบแล๎วให๎ผู๎ตอบมีโอกาสเลือกตอบได๎มากวํา 1 ค าตอบ ดังตัวอยํางเชํน เหตุใดทํานจึงตัดสินใจมาปฎิบัติงานบัณฑิตอาสาที่เชียงใหมํ (ตอบได๎มากกวํา 1 ข๎อ) ( ) เห็นวํามีภูมิล าเนาเดิมอยูํในจังหวัดนี้ ( ) ใจรักและต๎องการปฏิบัติงานที่ตรงกับความรู๎ที่ได๎เรียนมา ( ) ถูกก าหนดให๎มาปฏิบัติงาน ( ) คาดวําจะได๎รับความก๎าวหน๎าในการปฏิบัติงาน ( ) ครอบครัวของญาติสํวนใหญํอยูํท่ีนี่ ( ) ยังไมํสามารถหางานอ่ืนที่ดีกวํานี้ได ๎ ( ) อ่ืน ๆ ระบ ุ .................................

4) แบบให๎เลือกตามล าดับกํอนหลัง เป็นแบบที่ก าหนดให๎ผู๎ตอบตอบตามล าดับ กํอนหลัง หรือล าดับความส าคัญ โดยใสํหมายเลข 1,2,3,................................................ ตามล าดับเชํน ทํานใช๎สื่ออะไรในการเรียนวิชาเศรษฐศาสตร์เกษตร (โปรดเรียงล าดับตามการใช๎มากไปหาน๎อยใช๎มากที่สุดใสํหมายเลข 1 แล๎วเรียงล าดับ 2, 3,..........ตํอไป) สื่อบุคคล สื่อชุดส าเร็จรูป สิ่งพิมพ์ สื่อโทรคมนาคม

Page 10: องค์ความรู้ เรื่อง203.157.10.11/pmqa53/wp-content/uploads/km/data.pdf · 2011-03-22 · 2 การด าเนินการตามระบบคุณภาพที่ส

6

สื่อวิทยุกระจายเสียง สื่อโทรทัศน์ สื่อวิทยุโทรทัศน์

5) แบบประมาณคํา เป็นแบบที่ก าหนดให๎มีน้ าหนักเปรียบเทียบกัน ผู๎ตอบเลือกตอบเพียงค าตอบเดียว รปูแบบค าตอบของค าตอบแบบนี้มีหลายชนิดที่นิยมใช๎กัน ได๎แกํ (1) แบบ 3 ค าตอบ ตัวอยําง ทํานพอใจในต าแหนํง “เศรษฐกร” หรือไม ํ ( ) พอใจมาก ( ) พอใจ ( ) ไมํพอใจ (2) แบบ 4 ค าตอบ ตัวอยํางเชํน เงินเดือนที่ทํานได๎รับเพียงพอกับการด ารงชีวิตของทํานหรือไมํ ( ) ไมํเพียงพอ ( ) เหลือ ( ) เพียงพอ ( ) เหลืออยํางมาก (3) แบบ 5 ค าตอบ ตัวอยําง ทํานได๎รับความรู๎จากการประชุมประจ าเดือนมากเพียงใด ( ) สูงมาก ( ) ต่ า ( ) สูง ( ) ต่ ามาก ( ) ปานกลาง แบบ 5 ค าตอบ อาจใช๎เป็นตัวเลขแทนตัวหนังสือ แล๎วก ากับด๎วยตัวหนังสือไว๎ห๎วท๎าย ตัวอยําง - ความรู๎ที่ทํานได๎จากการประชุมประจ าเดือน (ใหม)ํ 2 1 0 (เกํา) 2 1 0 การใช๎ตัวเลขอาจใช๎ได๎ 5 4 3 2 1 หรือ 1 2 3 4 5 ส าหรับค าตอบ 5 ตัวเลือก ก็ได๎ สุดแล๎วแตํวําจะเป็นข๎อความในลักษณะบอกเลําหรือปฏิเสธ แบบสอบถามแบบประมาณคํานี้ อาจสร๎างให๎มีตัวเลือก 7 9 หรือ 11 ก็ได๎ ทั้งนี้ แล๎วแตํวําจะต๎องการให๎ค าตอบละเอียดมากน๎อยแคํไหน

(3) การร่างแบบสอบถาม ในขั้นนี้ผู๎วิจัยจะเริ่มลงมือเขียนแบบสอบถาม ซึ่งมีหลักเบื้องต๎นที่ควรระลึกถึงอยูํเสมอ คือ (3.1) ควรตั้งค าถามให๎ตรงกับวัตถุประสงค์ของเรื่องที่จะวิจัย หรือตั้งค าถามเพ่ือหาข๎อมูลที่เก่ียวกับสมมุติฐานของการวิจัย (3.2) ควรตั้งค าถามให๎สั้น กะทัดรัด เข๎าใจงําย ได๎ใจความ และจูงใจให๎อยากอําน (3.3) ควรตั้งค าถามโดยให๎ค าถามแตํละข๎อ มีเนื้อความให๎ตอบประเด็นเดียวอยํางชัดเจน

Page 11: องค์ความรู้ เรื่อง203.157.10.11/pmqa53/wp-content/uploads/km/data.pdf · 2011-03-22 · 2 การด าเนินการตามระบบคุณภาพที่ส

7

(3.4) ควรตั้งค าถามให๎สะดวกในการวิเคราะห์และตีความ โดยเฉพาะการใช๎ค าถาม แบบปลายปิดให๎มากกวําแบบปลายเปิด (3.5) ควรตั้งค าถามชนิดที่ไมํมีอะไรซํอนเร๎นอยูํเบื้องหลัง ถามอยํางตรงไปตรงมา อยําให๎ผู๎ตอบรู๎สึกวําเป็นการบังคับหรือท าให๎ผู๎ตอบได๎อาย (3.6) ควรตั้งค าถามชนิดที่ไมํเป็นการถามน าหรือชี้แนะค าตอบ เชํน ทํานอํานหนังสือพิมพ์รายวันเป็นประจ าใชํใหม (3.7) แบบสอบถามไมํควรยาวมาก เพราะจะท าให๎ผู๎ตอบเบื่อหนําย และควรมีค าชี้แจงในการตอบอยํางชัดเจน ควรมีตัวอยํางประกอบด๎วย (3.8) ควรมีจดหมายน าแบบสอบถามที่ขอความรํวมมือและชี้แจงวัตถุประสงค์ของการวิจัยหรือการน าผลวิจัยไปใช๎อยํางชัดเจน (3.9) ถ๎าผู๎วิจัยวิเคราะห์ข๎อมูลโดยใช๎เครื่องคอมพิวเตอร์ ควรออกแบบสอบถามเพ่ือให๎สามารถวิเคราะห์ได๎ทันที

(4) การตรวจสอบก่อนการทดลองใช้ การตรวจสอบกํอนการทดลองใช๎เป็นการตรวจสอบรํางแบบสอบถามที่สร๎างขึ้น ซึ่งท าได๎โดย (4.1) การตรวจสอบเอง เมื่อรํางแบบสอบถามเสร็จ ผู๎รํางควรตรวจสอบเกี่ยวกับภาษา และการเรียงล าดับค าถาม การตรวจสอบเกี่ยวกับภาษานั้น ผู๎รํางแบบสอบถามควรถามตัวเองด๎วยค าถามตํอไปนี้

(1) จ าเป็นต๎องมีค าถามนี้หรือไมํ ถ๎ามีจะได๎ประโยชน์อะไร (2) ค าถามนั้นมีหลายประเด็นหรือไมํ ถ๎าเปลี่ยนใช๎หลายค าถามจะได๎ประโยชน์

หรือได๎เนื้อความตามที่ต๎องการหรือไมํ จะท าให๎ตอบได๎งํายหรือไมํ รวมทั้งรวบรวมข๎อมูลได๎งํายขึ้นหรือไม ํ(3) ค าถามนั้นท าให๎ได๎ค าตอบที่เที่ยงตรงตามความเป็นจริงหรือไมํ จะต๎องถาม

เพ่ือตรวจสอบอีกครั้งหรือไมํ (4) ถ๎อยค าที่ใช๎ในแตํละค าถามกว๎างขวางพอที่จะได๎ข๎อมูลเพียงพอกับที่ต๎องการ

หรือไม ํ(5) ถ๎อยค าที่ใช๎เฉพาะเจาะจงพอที่จะให๎ผู๎ตอบเข๎าใจความหมายหรือไม ํ(6) ข๎อความที่ใช๎เฉพาะเจาะจงเกินไปหรือไมํ (7) ข๎อความหรือค าใดบ๎างท่ีท าให๎ผู๎ตอบเข๎าใจไขว๎เขว เข๎าใจยากหรือไมํชัดเจน (8) ข๎อความหรือค าถามที่ใช๎เน๎นหรือมีอิทธิพลชักจูงให๎ได๎ค าตอบในทางที่คาดหวัง

หรือไม ํ(9) ค าถามนั้นผู๎ตอบมีความรู๎พอที่จะให๎ค าตอบอันนําเชื่อถือได๎เพียงใด (10) การใช๎ค าถามตรงหรือค าถามอ๎อม จึงจะได๎ค าตอบที่ตรงตามวัตถุประสงค์

มากที่สุด

Page 12: องค์ความรู้ เรื่อง203.157.10.11/pmqa53/wp-content/uploads/km/data.pdf · 2011-03-22 · 2 การด าเนินการตามระบบคุณภาพที่ส

8

เมื่อตรวจสอบภาษาแล๎ว ก็ถึงขั้นการเรียงล าดับค าถาม ซึ่งผู๎สร๎างแบบสอบถามจะต๎องพิจารณาวํา ควรน าค าถามใดขึ้นกํอน ค าถามใดไว๎หลัง จึงจะกํอให๎เกิดความสะดวก ผู๎ตอบสามารถคิดตํอไปเป็นเรื่อง ๆ โดยราบรื่น ไม๎ต๎องคิดวกวนกลับไปกลับมา ท าให๎เสียเวลาและกํอให๎เกิดความสับสนโดยไมํจ าเป็น ซึ่งการเรียงล าดับค าถามโดยทั่วไป มักจะเรียงล าดับจากสถาพทั่วไปของผู๎ตอบ เมื่อผู๎รํางแบบสอบถามตรวจสอบเองเรียบร๎อยจนเป็นที่พอใจแล๎ว ควรน ารํางแบบสอบถามนั้นให๎ผู๎วิจัยที่ช านาญในสาขานั้นดู (4.2) การตรวจสอบโดยผู๎วิจัยสาขานั้น ขั้นนี้เป็นขั้นส าคัญตอนหนึ่งของการสร๎างแบบสอบถามให๎มีคุณภาพสูง ผู๎ที่รู๎เนื้อหาสาระแบบสอบถามนั้นวัดตามที่ต๎องการให๎วัดเพียงใด วัดตรงตามเนื่อหาหรือไมํ โดยปกติผู๎จะใช๎ผู๎มีความรู๎เนื้อหาไมํน๎อยกวํา 3 ทําน ชํวยพิจารณาตัดสิน ถ๎าผู๎รู๎ที่พิจารณาสํวนมากเห็นวําการวัดตรงตามเนื้อหาแล๎ว แบบสอบถามนั้นก็ถือวํามีความเที่ยงตรงตามเนื้อหา มีคุณภาพในเรื่องความเท่ียงตรง

(5) การท าบรรณาธิกรณ์ การท าบรรณาธิกรณ์ คือ เป็นการจัดท าแบบสอบถามจากฉบับรํางให๎เป็นฉบับที่จะน าไปใช๎จริง ซึ่งจะเป็นการพิจารณาเกี่ยวกับสิ่งตําง ๆ ดังนี้ (5.1) การจัดวางรูปแบบ (format) แบบสอบถาม เป็นการพิจาณาตั้งแตํ จะใช๎กระดาษชนิดใด ขนาดใด ใช๎ตัวพิมพ์ชนิดใด จะพิมพ์อยํางไร พิมพ์ด๎วยเครื่องพิมพ์ดีดอัดส าเนาหรือสํงโรงพิมพ์ การเว๎นที่วํางให๎เลือกตอบจากกรอบตัวพิมพ์ ควรเว๎นไว๎เทําใด ควรเว๎นบรรทัดหรือไมํเว๎น เว๎นที่วํางไว๎ให๎ตอบเทําใดจึงจะพอ ที่ใดควรยํอหน๎า ที่ใดควรเว๎นวรรค จะใช๎วรรคใหญํหรือวรรคเล็ก ฯลฯ หลักใหญํ ๆ ในการจัดวางรูปแบบสอบถามนั้น ควรจะได๎ค านึงถึงความสะดวกของผู๎ตอบเป็นเกณฑ์ และในขณะเดียวกันก็ควรมีลักษณะที่โน๎มน๎าวใจให๎ยากตอบ (5.2) ตรวจสอบเกี่ยวกับการใช๎ถ๎อยค า ประโยค การเรียงล าดับประโยค รวมทั้งตัวสะกด การันต ์ ให๎ถูกต๎อง ซึ่งใช๎ในลักษณะเชํนเดียวกับการตรวจสอบทางภาษาตามท่ีกลําวมาแล๎ว (5.3) ตรวจสอบจดหมายน าแบบสอบถาม ซึ่งจัดท าไว๎เรียบร๎อยแล๎วตอนรํางแบบสอบถามเพ่ือให๎ผู๎ตอบเข๎าใจจุดมุํงหมายของการตอบแบบสอบถามนั้นวําต๎องการอะไร จดหมายน าแบบสอบถามนี้นับวํามีสํวนส าคัญมากท่ีจะท าให๎เราได๎รับแบบสอบถามคืนมากน๎อยเพียงใด

(6) การทดลองใช้ เมื่อท าบรรณาธิกรณ์จัดท าเป็นแบบสอบถามเรียบร๎อยแล๎ว กํอนน าไปใช๎จริงควรทดลองใช๎กํอน การทดลองใช๎ หมายถึง การน าแบบสอบถามไปทดลองใช๎กับประชากรจ านวนหนึ่งที่มีลักษณะคล๎ายคลึงกับกลุํมตัวอยํางหรือประชากรที่จะศึกษา แตํไมํได๎รับการสุํมให๎เป็นกลุํมตัวอยําง ซึ่งเหมาะสมกับเวลาและโอกาส กํอนที่จะน าแบบสอบถามนั้นไปเก็บรวบรวมข๎อมูลจริง ๆ เชํน จะท าวิจัยเรื่อง “ ปัญหาความยากจนของชาวนาในภาคกลาง ” ผู๎วิจัยต๎องน าแบบสอบถามไปทดสอบกับชาวนาภาคกลาง หรือชาวนาที่มีจังหวัดที่ติดกับภาคกลาง ซึ่งมีลักษณะที่ยังไมํแตกตํางจากชาวนาในภาคกลาง จะทดสอบกับชาวสวน พํอค๎า หรือข๎าราชการไมํได๎ แล๎วน าผลการตอบมาพิจารณาเกี่ยวกับความเข๎าใจค าถาม การแปลความหมายข๎อความ วิธีการตอบ ความชัดเจนของค าชี้แจง ปฏิกิริยาที่มีตํอค าถาม

Page 13: องค์ความรู้ เรื่อง203.157.10.11/pmqa53/wp-content/uploads/km/data.pdf · 2011-03-22 · 2 การด าเนินการตามระบบคุณภาพที่ส

9

กระบวนการตอบ เป็นต๎นวํา ผู๎ตอบเข๎าใจ ตอบตรงตามคาดหมายไว๎หรือไมํเพียงใด การเลือกค าตอบกระจายกันมากน๎อยเพียงใด รวมทั้งน าผลการตอบมาวิเคราะห์ตามกระบวนการ และวิธีการทางสถิติที่ต๎องการวิจัยจริง จะได๎รู๎วําแบบสอบถามนั้นมีข๎อบกพรํองที่ควรได๎รับการแก๎ไขอยํางไร

แบบส ารวจ แบบส ารวจ เป็นเครื่องมือที่ผู๎วิจัยสร๎างขึ้น เพ่ือให๎ผู๎ตอบ ตอบเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะในแตํละเรื่องที่ถามจะมีอยูํหลายข๎อ เพ่ือให๎ครอบคุมเรื่องที่จะถามและตัวค าถามมักจะเป็นเหตุการณ์หรือสถานการณ์ที่ผู๎วิจยัสร๎างขึ้นมาเอง เพ่ือให๎ผู๎ตอบนึกวํา ถ๎าเข๎าไปประสบเหตุการณ์นั้นเข๎าแล๎วเขาจะรู๎สึกอยํางไร นอกจากนี้แล๎วอาจเป็นค าถามที่เกี่ยวกับความสนใจ ทัศนคติหรือพฤติกรรม และคุณธรรมด๎านตําง ๆ เป็นสํวนใหญํ หรืออาจน ามาใช๎ในการวิจัยแบบส ารวจ เชํน บัณฑิตอาสาคนหนึ่ง ได๎รับค าสั่งให๎ไปประจ าที่ต าบลหนึ่ง ซึ่งเขายังไมํทราบสภาพเศรษฐกิจและสังคมของชาวบ๎านในต าบลนั้น อาจท าวิจัยแบบส ารวจ โดยออกแบบส ารวจให๎ชาวบ๎านท าเครื่องหมายอยํางใดอยํางหนึ่ง / หรือ X ตํอค าตอบที่ก าหนดให๎ หรือบัณฑิตอาสาอาจออกส ารวจเองโดยมีแบบส ารวจเป็นแนวทาง แล๎วถามชาวบ๎านตามค าถามที่ก าหนดไว๎ในแบบส ารวจ และบอกค าตอบให๎ชาวบ๎านเลือก เมื่อส ารวจตามต๎องการแล๎วก็น าข๎อมูลมาวิเคราะห์ บัณฑิตอาสานั้นจะทราบสภาพความเป็นอยูํของเกษตรกรในต าบลนั้นเพ่ิมมากขึ้นกวําการสังเกตธรรมดา ท าให๎บัณฑิตอาสาผู๎นั้นมีข๎อมูลอยํางเพียงพอที่จะปฏิบัติงานให๎ได๎ผลดีได๎ เป็นต๎น ตัวอยํางแบบส ารวจ เชํน ค าชี้แจง โปรดท าเครื่องหมาย / ในข๎อที่เป็นจริงเกี่ยวกับตัวทําน 1. ทํานจบการศึกษาระดับ ป. 4 หรือไม ํ ( ) จบ ( ) ไมํจบ 2. ขณะนี้ทํานอํานหนังสือออกหรือไมํ ( ) ออก ( ) ไมํออก 3. ทํานเคยได๎รับเอกสารค าแนะน าเกี่ยวกับการปลูกพิชชนิดตํางๆ จากเจ๎าหน๎าที่สํงเสริมหรือไม ํ ( ) เคย ( ) ไมํเคย

Page 14: องค์ความรู้ เรื่อง203.157.10.11/pmqa53/wp-content/uploads/km/data.pdf · 2011-03-22 · 2 การด าเนินการตามระบบคุณภาพที่ส

10

แบบส ารวจมีข๎อแตกตํางจากแบบสอบถาม คือ ผู๎วิจัยมักจะให๎ผู๎ตอบท าเครื่องหมายอยํางใดอยํางหนึ่งเพียงอยํางเดียวเทํานั้น ไมํใชํท าเครื่องหมายถูกบ๎างผิดบ๎าง วงกลมบ๎าง หรือเขียนค าตอบในชํองวํางที่เว๎นไว๎ ผู๎ตอบจะตอบรับหรือปฏิเสธ หรือไมํแนํใจตํอข๎อความที่ถามทั้งหมด และเมื่อรวมคะแนนทุกข๎อแล๎วจะชี้ให๎เห็นถึงลักษณะอยํางใดอยํางหนึ่งของผู๎ตอบ นอกจากนั้นก็เหมือนแบบสอบถาม คือ มีค าถามมาให๎และมีค าตอบมาให๎เลือกตอบ มักจะเป็นแบบเลือกตอบอยํางใดอยํางหนึ่งใน 2 หรือ 3 อยําง หรือท าเครื่องหมายถูกผิด ตํอค าตอบที่ก าหนดให๎ ดังนั้น ผู๎วิจัยบางคนอาจถือวํา แบบส ารวจเป็นแบบสอบถามก็ได ๎ ดังนั้น วิธีการสร๎างแบบส ารวจสามารถใช๎วิธีการเดียวกับการสร๎างแบบสอบถาม เพ่ือให๎เข๎าใจได๎งํายขึ้น ขอเสนอตัวอยํางแบบส ารวจเพ่ือการวัดการปรับปรุงบุคลิกภาพและสังคมเกี่ยวกับบัณฑิตอาสาดังนี้ แบบส ารวจเพื่อการวัดการปรับปรุงบุคลิกภาพและสังคมของบัณฑิตอาสา ชื่อบัณฑิตอาสา วันที่ส ารวจ (ค าชี้แจง ตํอไปนี้เป็นรายการบุคลิกลักษณะที่เกี่ยวข๎องกับผู๎อ่ืน ขอให๎ตรวจบุคลิกลักษณะของบัณฑิตอาสาที่มีชื่ออยูํข๎างบนวํา มีหรือไมํมี ถ๎ามีให๎ท าเครื่องหมาย / ถ๎าไมํมีให๎ท าเครื่องหมาย X ข๎างหน๎ารายการนั้น)

มีความสนใจตํอความต๎องการและปัญหาของผู๎อื่น ชอบเลํนกับเด็กที่วัยอํอนกวํา เคารพความคิดเห็นของเพ่ือนรํวมกลุํม ชํวยเหลือเพ่ือนเมื่อเขามีปัญหา เคารพในทรัพย์สมบัติของผู๎อื่น ยอมรับค าแนะน าด๎วยความยินดี ท างานกับคนอ่ืนได๎ด ี เป็นคนเปลําเปลี่ยว ไมํพอใจค าวิจารณ์

แบบทดสอบ แบบทดสอบ คือ ชุดของข๎อค าถามที่สร๎างอยํางมีระบบ ใช๎วัดพฤติกรรมของบุคคล อาจวัดทางด๎านความรู๎ ทัศนคติและทักษะได๎ แบบทดสอบวัดทัศนคติ (Attitude Test) เป็นตัวอยํางหนึ่งที่นักวิจัยใช๎ การรวบรวมข๎อมูลสนามมีความจ าเป็น และถือวําเป็นสํวนประกอบส าคัญ ทั้งนี้เพราะข๎อมูลที่ต๎องการนั้นไมํมีเอกสาร หรือไมํมีบุคคลใดรวบรวมไว๎กํอน อาจจะเนื่องมาจากมีความเฉพาะเจาะจงเกินไป หรือแหลํงข๎อมูลอยูํกระจัดกระจาย หากจะรวบรวมไว๎กํอนก็ไมํสะดวก ไมํคุ๎มกับเวลาและเงินที่ต๎องเสียไป

Page 15: องค์ความรู้ เรื่อง203.157.10.11/pmqa53/wp-content/uploads/km/data.pdf · 2011-03-22 · 2 การด าเนินการตามระบบคุณภาพที่ส

11

ฉะนั้น หากผู๎ใดมีความประสงค์จะใช๎ข๎อมูลดังกลําว เชํน ข๎อมูลเกี่ยวกับความคิดเห็นทัศนคติและข๎อมูลทางด๎านคุณภาพ จึงจ าเป็นต๎องรวบรวมขึ้นใหมํ ข๎อมูลสนามนี้ถือเป็นข๎อมูลที่มีคุณคํามาก และเป็นข๎อมูลปฐมภูมิเพราะจะต๎องใช๎วิธีการเก็บรวบรวมจากแหลํงต๎นตอของข๎อมูลและยังอาจจะมีโอกาสพบปะซักถามข๎อเท็จจริงจากผู๎ให๎ข๎อมูลโดยตรงอีกด๎วย การเก็บรวบรวมข๎อมูลสนามที่ส าคัญและใช๎กันทั่วไปมี 3 วิธี คือ การสังเกต (observation) การสัมภาษณ์ (interview) และการใช๎แบบสอบถาม (questionnaire) ซึ่งแตํละวิธีมีเทคนิคแตกตํางกันออกไป ทั้งนี้เพ่ือจะชํวยให๎ได๎ข๎อมูลสนามตรงตามความประสงค์มากที่สุดเทําที่สามารถจะท าได๎ กลําวคือ

1.) การสังเกต การสังเกต คือ การศึกษาให๎ทราบถึงลักษณะปัจจัยหรือความแปรเปลี่ยนของสิ่งตํางๆ ที่เป็นประเด็นเกี่ยวข๎องกับเรื่องและวัตถุประสงค์ในการจัดเก็บข๎อมูล กลําวโดยยํอ การสังเกต คือ การพิจารณาปรากฏการณ์ตํางๆ นั่นเอง ตามปกติในชีวิตประจ าวันของคนเรานั้นตํางก็ได๎ใช๎การสังเกตอยูํทุกขณะ เชํน กํอนจะออกไปนอกบ๎านในตอนเช๎าก็จะสังเกตเรื่องอากาศวํา พระอาทิตย์ขึ้นหรือฝนจะตก เพ่ือตกลงใจจะเอารํมไปด๎วยหรือไมํหรือในระหวํางการขับรถก็ต๎องคอยสังเกตสัญญานไฟเขียวไฟแดง เป็นต๎น การสังเกตนี้นอกจากจะใช๎อยูํเป็นปกติประจ าวันแล๎ว ยังใช๎เป็นเครื่องมือเบื้องต๎นในการเก็บรวบรวมข๎อมูลในการวิจัยที่ถือวํามีลักษณะเป็นวิทยาศาสตร์ ทั้งนี้เพราะวําการสังเกตจะชํวยน าไปสูํข๎อยุติตามวัตถุประสงค์ของการวิจัยประการหนึ่งเป็นวิธีการที่สามารถวางแผนได๎เป็นระบบประการหนึ่ง มีการบันทึกเรื่องราวที่เกี่ยวเนื่องกับวัตถุประสงค์ทั่วๆ ไปประการหนึ่ง และอีกประการหนึ่งได๎แกํ การที่เราสามารถตรวจสอบควบคุมความถูกต๎องและความนําเชื่อถือได๎ เพ่ือให๎นักศึกษาสามารถน าการสังเกตไปใช๎ในการเก็บรวบรวมข๎อมูลได๎ นักศึกษาควรทราบถึงลักษณะของผู๎สังเกต ลักษณะของการสังเกต ประเภท หลัก วิธีการ และข๎อดี-ข๎อจ ากัดของการสังเกต ดังจะได๎กลําวในรายละเอียดตํอไป ลักษณะของการสังเกต การสังเกตเป็นวิธีการพ้ืนฐานที่จะได๎ข๎อมูลมาตามต๎องการ ดังนั้นในการสังเกต เพ่ือให๎ได๎ข๎อมูลเชื่อถือได๎ ผู๎สังเกตควรมีลักษณะดังนี้ (1) มีความตั้งใจอยํางแนํวแนํในการสังเกต และไมํล าเอียง (2) ประสาทสัมผัสอยูํในสภาพที่ดี และวํองไวตํอการสัมผัสที่สังเกตได๎ (3) มีการรับรู๎ที่ดี และสามารถแปลความหมายออกมาได๎อยํางรวดเร็วและถูกต๎องด๎วย ลักษณะของการสังเกต การสังเกตท่ีจะสามารถเก็บรวบรวมข๎อมูลเพื่อการวิจัยควรมลักษณะดังนี้ (1) ต๎องมีจุดมุํงหมายที่แนํนอนและชัดเจนวํา ต๎องการสังเกตให๎ทราบในสิ่งใดหรือเรื่องใด (2) ต๎องมีการก าหนดระยะเวลาที่สังเกต โดยพิจารณาให๎เหมาะสมสอดคล๎องกับองค์ประกอบ หรือปัจจัยของปรากฏการณ์ที่จะสังเกตการไปหาข๎อเท็จจริงในขณะใดก็ได๎โดยมิได๎พิจารณาเสียกํอนนั้น ไมํเป็นการสังเกตเพ่ือเก็บรวบรวมข๎อมูลในการวิจัย

Page 16: องค์ความรู้ เรื่อง203.157.10.11/pmqa53/wp-content/uploads/km/data.pdf · 2011-03-22 · 2 การด าเนินการตามระบบคุณภาพที่ส

12

(3) ต๎องสังเกตให๎เห็นความสัมพันธ์ของปริมาณสถิติตําง ๆ กับสิ่งหรือปรากฏการณ์ที่สังเกต การสังเกตหรือมองดูเฉย ๆ ยํอมไมํเป็นการสังเกตเพ่ือเก็บรวบรวมข๎อมูลในการวิจัย (4) ต๎องมีการบันทึกรายละเอียด ข๎อเท็จจริงในทันที ในระหวํางการสังเกตหรือโดยเร็วที่สุดเทําที่จะท าได ๎การสังเกตยํอมไมํอาศัยความทรงจ าเป็นหลัก (5) ต๎องมีการทดสอบความเชื่อถือได๎ ผู๎สังเกตต๎องมีความช านาญ หรือได๎รับการฝึกฝนในการสังเกตจึงจะสามารถสังเกตข๎อเท็จจริงที่เชื่อถือได๎ ผลของการสังเกตจะต๎องสามารถทดสอบซ้ าได๎อีก ประเภทของการสังเกต สามารถแบํงตามโครงสร๎างของการสังเกตได๎เป็น 2 ประเภทคือ 1. การสังเกตแบบมีโครงสร้าง (structured observation) เป็นการสังเกตที่ผู๎สังเกตจะต๎องก าหนดเรื่องเฉพาะไว๎แล๎ววําจะศึกษาในหัวข๎อหรือรายการอะไรบ๎าง และจะไมํสังเกตเรื่องอ่ืนนอกเหนือไปจากที่ก าหนดไว๎แล๎ว ผู๎สังเกตจะบันทึกสิ่งที่สังเกตลงในแบบฟอร์มที่สร๎างไว๎แล๎ว โดยผู๎สังเกตจะต๎องมีความรู๎และค๎ุนเคยกับเรื่องที่สังเกตพอสมควร ตลอดจนมีการก าหนดมาตราฐานในการจัดประเภทของตัวแปรไว๎ลํวงหน๎าและมีการฝึกอบรมผู๎สังเกตให๎สามารถถูกต๎องและเชื่อถือได๎ ซึ่งโดยสํวนมากมักใช๎ผู๎สังเกตมากวํา 1 คน ขึ้นไปและตรวจสอบดูวําสังเกตได๎ตรงกันหรือไมํ 2. การสังเกตแบบไม่มีโครงสร้าง (unstructured observation) เป็นการสังเกตที่ผู๎สังเกตมีอิสระเต็มที่ในการที่จะบันทึกสิ่งที่ตนพบเห็น ไมํมีแบบฟอร์มที่จะเป็นเครื่องชํวยในการบันทึกได๎ดีในการส ารวจสภาพโดยทั่วไปที่ผู๎สังเกตยังไมํมีความรู๎ในเรื่องนั้นๆ เพียงพอที่จะมาวางเค๎าโครงหรือหลักเกณฑ์ในการสังเกตได๎ วิธีนี้อาจมีปัญหาในการวิเคราะห์จัดประเภทข๎อมูล เพราะข๎อมูลที่ได๎มาอาจกระจัดกระจายมาก หลักของการสังเกต ในการสังเกตที่ดีควรยึดหลัก ดังนี้ (1) ควรมีความรู๎เกี่ยวกับเรื่องที่จะสังเกตกํอนการสังเกต โดยการศึกษาให๎ทราบลํวงหน๎าปรากฏการณ์ชนิดใดที่มีคําควรแกํการสังเกต สภาพการณ์และสิ่งแวดล๎อมที่เกี่ยวกับปรากฏการณ์นั้น จะชํวยให๎ตัดสินได๎วํา ควรจะสังเกตข๎อเท็จจริงในประเด็นใดบ๎างที่เก่ียวกับปรากฏการณ์นั้น ๆ และเม่ือใด (2) มีความสอดคล๎องระหวํางสิ่งที่จะสังเกตกับปัญหาที่จะวิจัย ปัญหาการวิจัยที่ตั้งขึ้นยํอมจะก าหนดวําจะสังเกตอะไร ฉะนั้น ผู๎วิจัยจะต๎องตั้งประเด็นที่จะสังเกต เพ่ือให๎ได๎ข๎อมูลในประเด็นที่ต๎องการ (3) วิธีบันทึกข๎อสังเกต การสังเกตต๎องมีการบันทึกรายละเอียดข๎อเท็จจริง ที่สังเกตไว๎โดยเร็วที่สุดเทําที่จะท าได ๎ อาจก าหนดวิธีการบันทึกไว๎ลํวงหน๎า เชํน เตรียมสารบัญหัวข๎อที่จะสังเกตไว๎ (4) ตีความหมายและแยกประเภทของข๎อมูลที่ได๎ออกมา ผู๎สังเกตควรพยายามศึกษาปรากฏการณ์นั้นๆ ท าให๎เข๎าใจชัดเจนวํา ข๎อเท็จจริงที่สังเกตได๎นั้นมีลักษณะตําง ๆ กันและเกี่ยวข๎องกับปรากฏการณ์อยํางไร เพ่ือจะให๎สามารถแยกประเภทของข๎อเท็จจริงที่ได๎มา (5) ควรมีความระมัดระวังและความวินิจวิเคราะห์ มีความเตรียมพร๎อมที่จะสังเกตและความ ตั้งใจที่จะพิจารณาประเด็นส าคัญ ๆ ที่ได๎ก าหนดไว๎ลํวงหน๎า ความระมัดระวังและความวินิจวิเคราะห์เหลํานี้จะชํวยให๎ได๎ข๎อเท็จจริงที่ไมํบิดเบือนไปจากความเป็นจริง

Page 17: องค์ความรู้ เรื่อง203.157.10.11/pmqa53/wp-content/uploads/km/data.pdf · 2011-03-22 · 2 การด าเนินการตามระบบคุณภาพที่ส

13

(6) ควรแยกข๎อเท็จจริงที่ไมํเกี่ยวข๎องออกจากกัน ต๎องพิจารณาข๎อเท็จจริงในเชิงคุณภาพและแยกแยะข๎อเท็จจริงออกจากกัน พยายามไมํให๎ปริมาณคุณคําของข๎อเท็จจริง ประเภทหนึ่งมาท าข๎อเท็จจริงอีกประเภทหนึ่งบิดเบือนไป (7) มีทักษะในการใช๎เครื่องมือบันทึกผล เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช๎ควรดีพอ และผู๎สังเกตควรฝึกให๎มีทักษะในการใช๎เครื่องมือนั้น วิธีการสังเกต ที่ใช๎อยู ํ3 วิธี คือ 1. เข๎าไปคลุกคลีและเป็นสมาชิกสํวนหนึ่งของกลุํมที่สังเกต 2. เป็นคนสังเกตโดยไมํเข๎าไปคลุกคลี และไมํพยายามรบกวนบุคคลที่เราสังเกต เชํน อาจใช๎กระจกทางเดียว หรือโทรทัศน์วงจรปิดถํายภาพออกมา แล๎วผู๎สังเกตมองเห็นบุคคลที่จะสังเกตเพียงอยํางเดียว (3) พยายามให๎ผู๎สังเกตยอมรับวํา ผู๎สังเกตเป็นสํวนหนึ่งของกลุํม แตํไมํท ากิจกรรมทุกอยํางตามที่ผู๎ถูกสังเกตกระท า ข้อดี - ข้อจ ากัดการสังเกต การสังเกตท่ีใช๎ในการเก็บรวบรวมข๎อมูลในการวิจัยมีข๎อดี ดังนี้ (1) ได๎ข๎อเท็จจริงโดยวิธีการตรง เพราะได๎ศึกษาและสังเกตประเด็นตําง ๆ ทั้งหมดที่เกี่ยวข๎องกับปรากฏการณ์นั้นโดยตรง ท าให๎ได๎ข๎อมูลที่มีความเชื่อถือสูง (2) ชํวยให๎ได๎ข๎อมูลที่เป็นตัวแทนพฤติกรรมในสภาพการณ์ และสภาวการณ์ตําง ๆ อยํางแท๎จริง ซึ่งจะมีความหมายลึกซึ้งกวําข๎อมูลที่ได๎จากวิธีอ่ืน (3) สามารถบันทึกข๎อเท็จจริงได๎ในระหวํางที่ปรากฏการณ์ที่ต๎องการสังเกตก าลังเกิดขึ้นจริง ๆ (4) ชํวยให๎ได๎ข๎อเท็จจริงที่ไมํบิดเบือน เพราะเป็นข๎อเท็จจริงที่เก็บได๎โดยบุคคลหรือสิ่ง นั้น ๆ โดยไมํมีโอกาสที่จะต๎องนึกคิดเปลี่ยนแปลง (5) ชํวยให๎สามารถเก็บรวบรวมข๎อมูลบางชนิดที่ผู๎สังเกตไมํเต็มใจบอก หรือเป็นข๎อมูลที่เป็นความลับบางอยํางก็ได๎ เชํน ข๎อมูลที่ผู๎สังเกตไมํแนํใจหรือเพราะกลัววํา การบอกข๎อเท็จจริงนั้นจะเป็นภัยตํอตนเอง หรือเป็นการผิดกฏเกณฑ์ข๎อบังคับ หรืออาจเป็นในลักษณะที่ผู๎สังเกตไมํสามารถให๎ข๎อมูลได๎ เชํน เป็นใบ๎ หรือเป็นทารกไมํสามารถให๎ข๎อมูลได ๎ เป็นต๎น (6) ชํวยเก็บรวบรวมข๎อมูลเพ่ิมเติมที่ได๎จากวิธีการอ่ืน เพ่ือชํวยเสริมความรู๎ความเข๎าใจในข๎อมูลให๎ชัดเจนถูกต๎องยิ่งขึ้น (7) ชํวยให๎ได๎ข๎อมูลเท็จจริงบางอยํางที่เป็นผลพลอยได๎ ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นในระหวํางการสังเกต โดยมีความส าคัญตํอการวิจัยนั้นอยํางยิ่ง อยํางไรก็ด ี การสังเกตก็มีจุดอํอนหรือข๎อจ ากัดหลายประการ เชํน 1. ไมํสามารถเก็บข๎อมูลบางอยาํงที่เจ๎าของเหตุการณ์ไมํยอมให๎ผู๎วิจัยเข๎าไปสังเกตได๎ 2. ไมํสามารถเก็บข๎อมูลให๎ได๎ท่ัวถึงทุกแงํมุมของเหตุการณ์ท่ีเกิดข้ึน เพราะผู๎สังเกตไมํสามารถอยูํในที่หลาย ๆ แหํงพร๎อมกันได๎

Page 18: องค์ความรู้ เรื่อง203.157.10.11/pmqa53/wp-content/uploads/km/data.pdf · 2011-03-22 · 2 การด าเนินการตามระบบคุณภาพที่ส

14

3. ผู๎สังเกตเมื่อรู๎ตัววําก าลังถูกสังเกต อาจจะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมบางอยํางเพ่ือให๎ถูกใจผู๎สังเกตจนท าให๎ผู๎สังเกตได๎ข๎อมูลที่ไมํตรงกับความเป็นจริง 4. ในบางครั้งผู๎สังเกตไมํอาจคาดคะเนลํวงหน๎าได๎วํา เหตุการณ์หรือกิจกรรมนั้นจะเกิดขึ้นเมื่อใดท าให๎ผู๎สังเกตไมํอยูํในระยะเวลาที่ควรสังเกต หรือผู๎สังเกตพยายามรอคอย อาจต๎องรอด๎วยเวลายาวนานมาก 5. เหตุการณ์หรือปรากฏการณ์บางอยํางอาจยากที่จะไปสังเกตได๎ เชํน เหตุการณ์หรือกิจกรรมสํวนตัวของบุคคล อาจต๎องใช๎วิธีอ่ืน เชํน การสัมภาษณ์หรือใช๎แบบสอบถาม เป็นต๎น 6. ผลของการสังเกตขึ้นอยูํกับความรู๎ความสามารถและประสบการณ์ของผู๎สังเกตเป็นส าคัญ ถ๎าผู๎สังเกตไมํมีความรู๎ในเรื่องท่ีจะสังเกตดีพอ หรือไมํมีความเข๎าใจในวิธีการสังเกตการสังเกตจะได๎ผลน๎อย 2. การสัมภาษณ์ การสัมภาษณ์เป็นวิธีการที่มีระเบียบแบบแผนอยํางหนึ่ง ที่จะน าไปใช๎ในการส ารวจข๎อเท็จจริงจากภาวะความเป็นอยูํในสังคม โดยการพบปะสนทนาโดยมีจุดมุํงหมายระหวํางผู๎ที่ต๎องการทราบเรื่องราวซึ่งเรียกวํา ผู๎สัมภาษณ์ (Interviewer) กับผู๎ให๎เรื่องราวซึ่งเรียกวํา ผู๎ให๎สัมภาษณ์ (interviewer) การสัมภาษณ์เป็นกระบวนการสื่อสารระหวํางบุคคล 2 คน ด๎วยวิธีการพบปะกับผู๎ให๎ขําวโดยตรง (face to face) ฉะนั้น การใช๎วิธีสัมภาษณ์ได๎ยินเสียง ได๎อยูใกล๎ชิดและได๎ซักไซร๎ ผู๎ให๎สัมภาษณ์ ท าให๎ได๎ความกระจํางในประเด็นตํางๆ ของข๎อมูลเพิ่มขึ้น การที่จะน าวิธีการสัมภาษณ์ไปใช๎ในการเก็บรวบรวมข๎อมูลสนามนั้น นักศึกษาควรจะศึกษาผู๎สัมภาษณ์และลักษณะของการสัมภาษณ์ ประเภท หลัก วิธีการ และข๎อดี - สัมภาษณ์ข๎อมูลของผู๎สัมภาษณ์ ข๎อมูลที่ได๎รับจากการสัมภาษณ์จะถูกต๎องนําเชื่อถือหรือไมํเพียง อยํางหนึ่งคือผู๎สัมภาษณ์ เพ่ือให๎ได๎ข๎อมูลที่ถูกต๎องนําเชื่อถือ ผู๎สัมภาษณ์ควรมีลักษณะดังนี้คือ (1) พูดชัดเจน แจํมใส ใช๎ภาษาท่ีถูกต๎อง (2) มีความสามารถในการพูดติดตํอกับคนอื่น และสามารถสร๎างบรรยากาศของความไว๎วางใจ (3) ถ๎าการสัมภาษณ์ต๎องใช๎ภาษาอ่ืน ผู๎สัมภาษณ์ควรอยํางยิ่งท่ีจะพูดภาษานั้น (4) เป็นคนชํางสังเกต และรู๎จักจดบันทึกการสังเกตให๎เป็นระเบียบ ลักษณะของการสัมภาษณ์ การสัมภาษณ์ที่จะให๎ได๎ข๎อมูลที่เป็นจริงหรือใกล๎เคียงความเป็นจริงที่สุดนั้น ควรมีลักษณะดังนี้ (1) ยั่วยุหรือกระตุ๎นผู๎ให๎สัมภาษณ์ อยากจะตอบ หรือให๎ค าตอบที่คงที่พอควร คือ ผู๎สัมภาษณ์จะต๎องตั้งค าถามให๎เป็นที่นําสนใจแกํผู๎ให๎สัมภาษณ์เสมอ และผู๎ให๎สัมภาษณ์จะตอบออกนอกลูํนอกทางก็ต๎องรู๎จักชักจูงกลับมาตอบในสิ่งที่ต๎องการได ๎ (2) ถามให๎ตรงจุดที่สุด คือ ถามค าถามที่มีความแจํมชัดวําผู๎ให๎สัมภาษณ์ต๎องการให๎ตอบในแงํไหน ไมํควรใช๎ค าถามแบบกว๎าง ๆ หรือแบบครอบจักรวาล ซึ่งจะท าให๎ได๎ค าตอบที่สรุปได๎

Page 19: องค์ความรู้ เรื่อง203.157.10.11/pmqa53/wp-content/uploads/km/data.pdf · 2011-03-22 · 2 การด าเนินการตามระบบคุณภาพที่ส

15

(3) ควรเรียงค าถามให๎มีลักษณะติดตํอกันเป็นลูกโซํ เพ่ือให๎แนวความคิดของผู๎ให๎สัมภาษณ์ติดตํอเป็นเรื่องเดียวกัน (4) ถามให๎ได๎ค าตอบที่สามารถน าไปใช๎ในเหตุการณ์ที่คล๎ายคลึงกันได๎ ประเภทของการสัมภาษณ์ สามารถแบํงออกตามโครงสร๎างของการสัมภาษณ์ได๎ เป็น 2 ประเภท (1) การสัมภาษณ์แบบมีโครงสร๎าง (Structured interview) เป็นการสัมภาษณ์ที่ก าหนดหรือเตรียมค าถามไว๎ลํวงหน๎าอยํางเรียบร๎อย ในลักษณะเป็นแบบสัมภาษณ์หรือแบบสอบถามซึ่งเป็นค าถามและมีแนวตอบไว๎ให๎เลือกสัมภาษณ์ตามแบบสัมภาษณ์ หรือแบบสอบถามที่มาใช๎ในลักษณะเป็นแบบสัมภาษณ์ พอหมดค าถามก็เป็นอันจบการสัมภาษณ์ ดังนั้น การสัมภาษณ์แบบนี้ จึงต๎องใช๎ค าถามนั้นกับผู๎ให๎สัมภาษณ์ทุกคนเหมือนกันหมด (2) การสัมภาษณ์แบบไมํมีโครงสร๎าง (Unstructured interview) เป็นการสัมภาษณ์ที่ไมํมีแบบก าหนดตายตัว โดยที่ผู๎สัมภาษณ์ตั้งค าถามที่เปิดโอกาสให๎ผู๎สัมภาษณ์ได๎แสดงความคิดเห็นของตนเอง เป็นค าถามแบบปลายเปิด หลักการสัมภาษณ์ เพ่ือให๎ได๎ข๎อมูลตามวัตถุประสงค์ของการวิจัย ผู๎สัมภาษณ์ควรมีหลักปฏิบัติในการสัมภาษณ์ ดังนี้ (1) ผู๎สัมภาษณ์จะต๎องศึกษาหาความรู๎ในเรื่องที่ตนจะไปสัมภาษณ์อยํางกว๎างขวางรวมทั้งจะต๎องศึกษาประวัติสํวนตัวของผู๎ให๎สัมภาษณ์ลํวงหน๎า (2) ผู๎สัมภาษณ์จะต๎องเลือกผู๎ให๎สัมภาษณ์อยํางรอบคอบวํา ผู๎ใดบ๎างที่จะทราบข๎อเท็จจริงและมีอ านาจหรืออยูํฐานะที่จะให๎ข๎อเท็จจริงนั้น ถ๎าอยูํในฐานะที่จะให๎ข๎อเท็จจริงได๎ผู๎ให๎สัมภาษณ์นั้นเต็มใจที่จะให๎ข๎อเท็จจริงหรือไม ํ ความผิดพลาดของการเก็บรวบรวมข๎อมูลโดยวิธีสัมภาษณ์ก็คือ การก าหนดหรือเลือกผู๎ให๎สัมภาษณ์ผิด การที่จะเลือกได๎ถูกต๎องผู๎วิจัยต๎องศึกษาประวัติของผู๎ให๎สัมภาษณ์ทั้งในอดีตและปัจจุบันวํามีความสัมพันธ์เกี่ยวข๎องกับข๎อมูลที่เราต๎องการมากน๎อยเพียงใด รวมทั้งผู๎ใสัมภาษณ์มีอคติตํอเรื่องที่จะสัมภาษณ์มากน๎อยเพียงใดด๎วย (3) ผู๎สัมภาษณ์จะต๎องสร๎างความสัมพันธ์ สนิทสนมคุ๎นเคยและความเป็นกันเองให๎เกิดขึ้นเพ่ือให๎มั่นใจและแนํใจวําผู๎ให๎สัมภาษณ์ให๎ความรํวมมือเป็นอยํางดี (4) ผู๎สัมภาษณ์ควรถามและพูดคุยกับผู๎ให๎สัมภาษณ์ โดยให๎มีบรรยากาศที่ยั่วยุ สํงเสริมให๎ผู๎ให๎สัมภาษณ์อยากตอบค าถาม และพูดคุยด๎วย แตํการถามหรือพูดคุยนั้นจะต๎องไมํเป็นการเสนอแนะ (5) ค าถามที่ใช๎ในการสัมภาษณ์จะต๎องเรียงล าดับกํอนหลังไว๎เป็นอยํางดี คือ ต๎องมีการวางแผนและอาจต๎องสร๎างค าถามไว๎ลํวงหน๎า (6) ค าถามที่ใช๎ไมํควรเป็นค าถามประเภทบังคับ ไมํถามบังคับในสิ่งที่ผู๎ให๎สัมภาษณ์ไมํต๎องการตอบค าถามท่ีใช๎ควรเฉพาะเจาะจง ถามทีละเรื่อง มีความหมายเดียวและไมํก ากวม

Page 20: องค์ความรู้ เรื่อง203.157.10.11/pmqa53/wp-content/uploads/km/data.pdf · 2011-03-22 · 2 การด าเนินการตามระบบคุณภาพที่ส

16

(7) ภาษาที่ใช๎ในการสัมภาษณ์จะต๎องเหมาะสมกับระดับของผู๎ให๎สัมภาษณ์ เชํน สัมภาษณ์เกษตรกรไมํควรใช๎ภาษาท่ีเป็นราชการมากเกินไป หรือใช๎ศัพท์วิชาการมากเกินไป เป็นต๎น (8) การจดบันทึกไมํควรตั้งหน๎าตั้งตาจดมากเกินไป จนเป็นที่นําร าคาญของผู๎ให๎สัมภาษณ์ (9) บรรยากาศในการสัมภาษณ์ควรเป็นอิสระ ปลอดจากสิ่งรบกวนทั้งหลาย วิธีการสัมภาษณ์ แบํงได๎เป็น 4 ขั้นตอน ดังนี้ 1) ขั้นเตรียมการสัมภาษณ์ เป็นขั้นวางแผนและเตรียมการ กํอนด าเนินการสัมภาษณ์ ซึ่งควรกระท าดังนี ้ (1.1) ก าหนดวัตถุประสงค์ของการสัมภาษณ์ให๎ชัดเจนแนํนอนวํามีวัตถุประสงค์อยํางไร และต๎องการข๎อมูลอยํางไรบ๎าง (1.2) เลือกบุคคลที่จะต๎องรู๎วําจะไปสัมภาษณ์ใคร จ านวนเทําใดจึงจะเป็นตัวแทนของประชากรได ๎ และศึกษาประวัติผู๎ให๎สัมภาษณ์ให๎มากที่สุดที่จะท าได๎ (1.3) ทาบทามผู๎ให๎สัมภาษณ ์ ติดตํอนัดเวลา และสถานที่ท่ีจะให๎สัมภาษณ์ (1.4) เลือกแบบการสัมภาษณ์วําจะใช๎แบบสัมภาษณ์แบบใด แบบมีโครงสร๎างหรือไมํมีโครงสร๎าง (1.5) เตรียมค าถาม เครื่องมือ หรืออุปกรณ์ประกอบการสัมภาษณ์ และทดลองใช๎กับกลุํมตัวอยํางเล็ก ๆ กํอนน าไปใช๎จริง เพ่ือหาความถูกต๎อง เที่ยงตรงและเชื่อถือได๎ (1.6) กรณีท่ีต๎องใช๎คนอ่ืนชํวยสัมภาษณ์หรือมีผู๎สัมภาษณ์หลายคน จะต๎องมีการฝึกอบรมผู๎ที่จะไปสัมภาษณ์ให๎มีความรู๎ความเข๎าใจตรงกัน โดยเฉพาะสิ่งตํอไปนี้ - ต๎องเข๎าใจวิธีการสัมภาษณ์วํามีข้ันตอนอยํางไร - ต๎องรู๎วัตถุประสงค์ของการวิจัยอยํางชัดเจน แจํมแจ๎ง และต๎องรู๎ด๎วยวํา เหตุใดจึงเลือกกลุํมตัวอยํางเป็นตัวอยํางของผู๎ให๎สัมภาษณ์นั้น - ต๎องเข๎าใจค าถามหรือแบบสัมภาษณ์ท่ีจะใช๎สัมภาษณ์เป็นอยํางดีทุกข๎อ - ต๎องเข๎าใจวิธีการจดบันทึกผลการสัมภาษณ์ให๎ตรงกัน ในการฝึกอบรมผู๎ที่จะไปสัมภาษณ์ควรให๎ผู๎ฝึกอบรมมีโอกาสทดลองฝึกสัมภาษณ์กํอนที่จะสัมภาษณ์จริงด๎วย 2) ขั้นด าเนินการสัมภาษณ์ ควรปฏิบัติดังนี้ (2.1) แนะตัวผู๎สัมภาษณ์ บอกจุดมุํงหมายของการสัมภาษณ์ให๎ผู๎ให๎สัมภาษณ์เข๎าใจวํา ผู๎สัมภาษณ์เป็นใคร มาจากไหน มาสัมภาษณ์ด๎วยจุดมุํงหมายและขอบเขตการสัมภาษณ์อยํางไร รวมทั้งสร๎างความมั่นใจให๎ผู๎สัมภาษณ์วํา ผลการสัมภาษณ์นั้นจะถือเป็นความลับจะน าไปใช๎ประโยชน์เฉพาะในการวิจัยเทํานั้น

Page 21: องค์ความรู้ เรื่อง203.157.10.11/pmqa53/wp-content/uploads/km/data.pdf · 2011-03-22 · 2 การด าเนินการตามระบบคุณภาพที่ส

17

(2.2) เริ่มด าเนินการสัมภาษณ์ เมื่อสร๎างความค๎ุนเคยเป็นกันเองแล๎ว ก็เริ่มถามค าถามที่ก าหนดไว๎ โดยยึดหลักเกณฑ์ดังนี้ - พยายามให๎ผู๎สัมภาษณ์พูดมากกวําฟัง - ใช๎ภาษาสุภาพนําฟัง ไมํควรใช๎วาจาขํมขํู - ใช๎ค าถามที่ผู๎ให๎สัมภาษณ์ตอบอยํางงํายๆ สบายๆ แตํไมํควรใช๎ค าถามน า - พยายามตะลํอมให๎ผู๎สัมภาษณ์ตอบในประเด็นที่ต๎องการ - ถามค าถามทุกข๎อและตามล าดับ ยกเว๎นค าถามนั้นๆ อาจได๎จากการสังเกต หรือได๎ตอบไว๎แล๎วในขณะถามค าถามอ่ืน - ผู๎สัมภาษณ์ต๎องอดทน ไมํแสดงอาการเบื่อหนํายให๎ผู๎ให๎สัมภาษณ์เห็น - ถ๎าการสัมภาษณ์ต๎องใช๎เวลานาน ผู๎สัมภาษณ์ควรหาวิธีหยุดพัก โดยการแทรกค าถามเรื่องเบาๆ เพ่ือผํอนคลายความตึงเครียด หรือเปลี่ยนอิริยาบถ 3) ขั้นบันทึกผลการสัมภาษณ์ การบันทึกผลการสัมภาษณ์มีหลักการปฏิบัติดังนี้ (3.1) บันทึกผลทันที อาจบันทึกระหวํางการสัมภาษณ์ หรือหลังการสัมภาษณ์เสร็จใหมํๆ ไมํควรทิ้งไว๎นาน อาจหลงลืมหรือคลาดเคลื่อนได๎ (3.2) ถ๎าค าถามเป็นแบบฟอร์ม ให๎บันทึกค าถามแบบฟอร์มนั้น (3.3) ถ๎าค าตอบเป็นแบบปลายเปิด อาจบันทึกถ๎อยค าเดิมของผู๎ให๎สัมภาษณ์ไว๎ทั้งหมดแตํถ๎าตอบค าถามยาวมาก ควรบันทึกเฉพาะเนื้อหาสาระที่ต๎องการ และใช๎ภาษาที่ชัดเจน ไมํคลุมเครือ (3.4) บันทึกตามความจริง อยํามีอคต ิหรือความเห็นของผู๎ให๎สัมภาษณ์ใสํเข๎าไปวําเพราะเหตุใด (3.5) อยําเว๎นค าถามให๎วํางโดยไมํมีการบันทึก ถ๎าไมํมีค าตอบต๎องบันทึกลงไปด๎วยวําเพราะเหตุใด (3.6) ข๎อความในการบันทึก ควรประกอบด๎วย ชื่อและท่ีอยูํของผู๎ให๎สัมภาษณ์ วัน เดือน ปีที่สัมภาษณ์ ผลการสัมภาษณ์ ซึ่งจะต๎องจดบันทึกท้ังค าถาม - ค าตอบ (ถ๎ามีแบบฟอร์มแล๎วก็ไมํต๎องบันทึกค าถาม) ข๎อสังเกตที่ได๎ขณะสัมภาษณ์และข๎อเสนอแนะของผู๎ให๎สัมภาษณ์ สรุปผลการสัมภาษณ์ 4) ขั้นปิดการสัมภาษณ์ เป็นขั้นสุดท๎ายของการสัมภาษณ์ ผู๎สัมภาษณ์ควรปฏิบัติดังนี้ (4.1) กลําวขอบคุณผู๎ให๎สัมภาษณ์ที่ให๎ความรํวมมือ และย้ าวําความส าเร็จของการได๎ข๎อมูลนั้นสํวนหนึ่งขึ้นอยูํกับผู๎ให๎สัมภาษณ์ ท าให๎ผู๎ให๎สัมภาษณ์มีความภูมิใจและสบายใจ สิ่งนี้ส าคัญมาก เพราะท าให๎ผู๎ให๎สัมภาษณ์มีความรู๎สึกที่ดีตํอการเก็บรวบรวมข๎อมูลโดยวิธีนี้

Page 22: องค์ความรู้ เรื่อง203.157.10.11/pmqa53/wp-content/uploads/km/data.pdf · 2011-03-22 · 2 การด าเนินการตามระบบคุณภาพที่ส

18

ข้อดี - ข้อจ ากัดของการสัมภาษณ์ ในการเก็บรวบรวมข๎อมูลด๎วยวิธีการสัมภาษณ์ มีข๎อดีดังนี้ 1) เป็นวิธีที่ดีวิธีหนึ่งที่จะเก็บรวบรวมข๎อมูลเกี่ยวกับคุณลักษณะสํวนตัวของบุคคล แยกแยะปัญหาที่เก่ียวกับแนวความคิดและสภาพทางอารมณ์ (2) เป็นวิธีที่ชํวยให๎รู๎ข๎อเท็จจริงบางอยํางเพ่ิมเติมในขณะสัมภาษณ์ อาจได๎จากการสังเกต สีหน๎า ทําทาง การพูดจา และตอบค าถามได๎ (3) เป็นวิธีที่สามารถเก็บรวบรวมข๎อมูลได๎จากบุคคลทุกประเภท ทุกเพศ ทุกวัย แม๎แตํผู๎ที่อํานหนังสือไมํออก เขียนไมํได๎ (4) สามารถหาข๎อเท็จจริงที่ยุํงยากซับซ๎อน ซึ่งแอบแผงอยูํในอุปนิสัย อารมณ์ และความรู๎สึกของผู๎ให๎สัมภาษณ์ได๎ (5) เวลาถาม มีข๎อข๎องใจเกิดขึ้นหรือผู๎ให๎สัมภาษณ์ไมํเข๎าใจค าถาม ก็มีโอกาสซักถามเพ่ือท าความเข๎าใจให๎ตรงกันได ๎ ส าหรับข๎อจ ากัดของการสัมภาษณ ์ มีดังนี ้ (1) มักจะสิ้นเปลืองเวลา แรงงาน และคําใช๎จํายมาก (2) ข๎อมูลที่ได๎จากการสัมภาษณ์จะเชื่อถือได๎เพียงใด ขึ้นอยูํกับความรู๎และประสบการณ์ของผู๎สัมภาษณ์เป็นสํวนใหญํ โดยเฉพาะเกี่ยวกับการตั้งค าถาม ถ๎าเป็นค าถามที่เข๎าใจยาก ผู๎ให๎สัมภาษณ์ไมํเข๎าใจหรือผู๎ให๎สัมภาษณ์ไมํเข๎าใจค าถาม ผู๎ให๎สัมภาษณ์อาจปกปิดหรือบิดเบือนความจริง ท าให๎ได๎ข๎อมูลที่ไมํแท๎จริง (3) เป็นปัญหายุํงในการขจัดความล าเอียงของผู๎ให๎สัมภาษณ์ (4) อาจได๎ข๎อมูลที่ต๎องการไมํครบถ๎วนเพราะผู๎สัมภาษณ์ และ/หรือผู๎ให๎สัมภาษณ์จะมีความเครียดกระวนกระวายใจ ลืมถามค าถามบางค าไป (5)การใช๎ผู๎สัมภาษณ์หลายคน จะควบคุมให๎อยูํในมาตรฐานเดียวกันยํอมท าได๎ยาก (6) การคมนาคม ภาษา และระยะเวลาเป็นอุปสรรคตํอการสัมภาษณ์ อาจท าให๎งานวิจัยลําช๎า หรือล๎มเหลวลงได๎ 3) การใช้แบบสอบถาม การเก็บรวบรวมข๎อมูลโดยใช๎แบบสอบถามสํงไปให๎กลุํมตัวอยํางตอบ เป็นวิธีที่นิยมใช๎กันอยํางแพรํหลายเพราะเป็นวิธีที่ท าได๎งําย ไมํยุํงยากซับซ๎อนมากนัก ประหยัดเวลา แรงงาน และคําใช๎จํายมากกวํา การสังเกตหรือการสัมภาษณ์ มีรัศมีท าการไกล กว๎างขวาง เป็นแบบเดียวกัน สะดวกตํอการวิเคราะห์และการเก็บไว๎เป็นหลักฐานได๎นาน นอกจากนี้ ในวงการวิจัยยังใช๎แบบสอบถามเป็นแนวในการสัมภาษณ์ หรือสัมภาษณ์ตามแบบสอบถาม ซึ่งท าให๎ได๎ข๎อมูลที่ถูกต๎องเพ่ิมข้ึนอีก หรือใช๎เป็นแนวทางในการเก็บรวบรวมข๎อมูลโดยการสังเกต ท าให๎ได๎ข๎อมูลกว๎างขวางละเอียดลึกลงไปในสิ่งที่ต๎องทราบ

Page 23: องค์ความรู้ เรื่อง203.157.10.11/pmqa53/wp-content/uploads/km/data.pdf · 2011-03-22 · 2 การด าเนินการตามระบบคุณภาพที่ส

19

ประเภท วิธีการ และข้อดี - ข้อจ ากัดของแบบสอบถาม ประเภทของแบบสอบถาม แบํงประเภทใหญํๆ ได ๎2 ประเภท คือ 1) แบบสอบถามแบบปลายเปิด (open - ended questionnaire) เป็นแบบสอบถามที่ตั้งค าถามอยํางกว๎างๆ เปิดโอกาสให๎ผู๎ตอบตอบได๎อยํางเสรี ตามความพอใจ ตัวอยํางแบบสอบถามแบบเปิด เชํน ทํานมีความคิดเห็นอยํางไรเกี่ยวกับผลกระทบของวิกฤตเศรษฐกิจตํอรายได๎ของเกษตรกร ................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................... แบบสอบถามแบบปลายเปิดมีข๎อดีอยูํหลายประการ เชํน - ผู๎ตอบมีโอกาสใช๎ความคิดได๎อยํางเสรี - ได๎ค าตอบที่เป็นภาษาเขียนของผู๎ตอบเอง ซึ่งเป็นค าตอบที่แท๎จริงของผู๎ตอบ - สร๎างค าถามได๎งําย - ชํวยให๎ได๎ข๎อมูลทั้งที่เป็นความคิดเห็น ทัศนคติ และข๎อมูลจริง - ถ๎าต๎องการก าหนดความยาวของค าตอบก็ท าได๎ โดยเว๎นช๎องวํางไว๎ตามความยาวที่ต๎องการ แตํอยํางไรก็ด ี แบบสอบถามแบบปลายเปิดก็มีข๎อจ ากัดอยูํหลายประการเชํนกัน ดังนี้ - ไมํอ านวยความสะดวกแกํผู๎ตอบ ท าให๎ตอบได๎ช๎า - ผู๎ตอบบางคนขาดทักษะและเวลาในการเขียนค าตอบ อาจมีผลให๎ข๎อมูลที่ได๎มีความเชื่อถือได๎ต่ ากวําแบบสอบถามปลายปิด - บางครั้งผู๎ตอบให๎ค าตอบที่ไมํตรง หรือไมํสัมพันธ์กับปัญหาที่ต๎องการวิจัย - รวบรวมค าตอบยาก ยุํงยากในการวิเคราะห์ข๎อมูลและสรุปยาก เพราะค าตอบที่ได๎มีลักษณะกระจัดกระจาย ท าให๎เสียเวลามาก 2) แบบสอบถามแบบปลายปิด (close ended questionnaire) เป็นแบบสอบถามที่ผู๎สร๎างมีจุดมุํงหมายอยํางแนํนอนอยูํในใจ และจัดเตรียมค าตอบไว๎ลํวงหน๎าแล๎ว ผู๎ตอบเพียงเลือกค าตอบที่ก าหนดให๎เทํานั้น ข๎อความที่น ามาเป็นค าตอบนั้นอาจได๎มาจากแบบสอบถามปลายเปิดหรือจากผู๎รู๎ จากวารสาร เอกสาร การวิจัย และแหลํงข๎อมูลตําง ๆ ตัวอยํางแบบสอบถามปลายปิด เชํน ทํานเคยท างานที่อ่ืนกํอนที่จะมารํวมโครงการเกษตรทฤษฎีใหมํหรือไมํ ( ) เคยท างานทีเ่กี่ยวข๎องกับการเกษตรมากํอน ( ) เคยท างานอื่นท่ีไมํเก่ียวข๎องกับการเกษตรมากํอน ( ) ยังไมํเคยท างานอ่ืนมากํอน แบบสอบถามปลายปิดแบํงออกได๎หลายชนิด ที่นิยมใช๎กันได๎แกํ

Page 24: องค์ความรู้ เรื่อง203.157.10.11/pmqa53/wp-content/uploads/km/data.pdf · 2011-03-22 · 2 การด าเนินการตามระบบคุณภาพที่ส

20

(2.1) แบบให๎เลือกตอบอยํางใดอยํางหนึ่งในสองอยําง จะก าหนดค าตอบไว๎ 2 ค า ตอบ แล๎วให๎เลือกตอบ 1 ค าตอบ (2.2) แบบให๎เลือก 1 ค าตอบจากหลายค าตอบ (2.3) แบบให๎เลือกมากกวํา 1 ค าตอบจากหลายค าตอบ (2.4) แบบให๎เลือกตามล าดับกํอนหลัง โดยตอบตามล าดับกํอนหลัง หรือล าดับความส าคัญ โดยใสํหมายเลข 1,2,3................................. ตามล าดับ (2.5) แบบประมาณคํา ก าหนดน้ าหนักเปรียบเทียบให๎ แล๎วผู๎ตอบเลือกเพียงค าตอบเดียว ส าหรับตัวอยํางของแบบสอบถามแตํละชนิดนั้น จะน าไปกลําวในเรื่องเครื่องมือที่ใช๎ในการเก็บรวบรวมข๎อมูล แบบสอบถามปลายปิดนี้มีข๎อดีอยูํหลายประการ เชํน - ชํวยให๎ผู๎ตอบตอบได๎เร็ว และให๎ค าตอบที่ตรงกับปัญหาที่ต๎องการวิจัย - ความสามารถและทักษะในการเขียนของผู๎ตอบไมํเป็นปัญหามากในการตอบ - ค าตอบที่ได๎รับจากผู๎ตอบแตํละคนสามารถเปรียบเทียบกันได๎ดี และเปรียบเทียบกันได๎ทันที - เป็นค าตอบที่ชํวยกระตุ๎นเตือนผู๎ตอบให๎ระลึกถึงความจริงบางอยํางได ๎ - ผู๎วิจัยสามารถสร๎างค าถามได๎มากข๎อเพ่ือให๎ครอบคลุมเนื้อหาได๎ทั้งหมด - ข๎อมูลที่ได๎ไมํกระจัดกระจาย มีความเชื่อถือสูง วิเคราะห์ได๎งําย สามารถน าไปลงรหัสได๎ หรือถ๎าลงรหัสไว๎แล๎วก็น าไปเจาะบัตรโดยใช๎เครื่องคอมพิวเตอร์เลย อยํางไรก็ด ี แบบสอบถามปลายปิดนี้มีข๎อจ ากัดหลายประการดังนี้ - ผู๎ตอบไมํมีอิสระในการตอบ ไมํมีสํวนในการใช๎ความคิดเห็นมากนัก ตัวเลือกจากค าตอบบางครั้งไมํตรงตามความต๎องการของผู๎ตอบ ผู๎ตอบอาจเดาหรือแกล๎งตอบซึ่งจะท าให๎ได๎ข๎อมูลไมํแท๎จริง - บางครั้งมีความล าเอียงในค าตอบหรือค าตอบไมํแยกกันโดยเด็ดขาด ท าให๎ก ากวม ผู๎ตอบไมํรู๎จะตอบอยํางไร - สร๎างได๎อยาก ผู๎สร๎างหรือผู๎วิจัยควรมีความรู๎ความช านาญพอสมควร วิธีการใช้แบบสอบถาม แบํงได๎ 2 ขั้นตอน ดังนี้ (1) ขั้นสร้างแบบสอบถาม เป็นขั้นที่ก าหนดข๎อมูลที่ต๎องการ เลือกประเภทแบบสอบถามที่จะใช๎ รํางแบบสอบถาม ตรวจสอบเพ่ือปรับปรุงแก๎ไข ท าบรรณาธิกรณ์ (Editing) ทดลองใช๎ (per-test) และปรับปรุงแก๎ไข (2) ขั้นส่งแบบสอบถาม การสํงแบบสอบถามไปถึงประชากรหรือกลุํมตัวอยํางท าได๎ 2 วิธี คือ (2.1) การสํงแบบสอบถามโดยน าไปสํงเอง (self - administered questionnaire) วิธีการนี้ผู๎วิจัยน าแบบสอบถามไปสํงให๎ประชากรหรือกลุํมตัวอยําง และจะเก็บรวบรวมแบบสอบถามนั้น

Page 25: องค์ความรู้ เรื่อง203.157.10.11/pmqa53/wp-content/uploads/km/data.pdf · 2011-03-22 · 2 การด าเนินการตามระบบคุณภาพที่ส

21

กลับคืนในทันท ี เชํน ถ๎ากลุํมตัวอยํางที่ศึกษาเป็นเกษตรกร อยูํอ าเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหมํ ผู๎วิจัยหรือเจ๎าหน๎าที่เก็บรวบรวมข๎อมูลก็อาจติดตํอกับเกษตรอ าเภอสันป่าตองชํวยนัดเกษตรกรอ าเภอสันป่าตองมาประชุมรวมกันแล๎วผู๎วิจัยก็น าแบบสอบถามนั้นไปแจกให๎เกษตรกรซึ่งเป็นกลุํมตัวอยําง แล๎วให๎เกษตรกรตอบทันท ี ผู๎วิจัยก็รอรับเก็บกลับคืนมาเลย (2.2) การสํงแบบสอบถามทางไปรษณีย์ (mailed questionnaire) วิธีนี้ผู๎วิจัยจะต๎องจัดท าหนังสือเพ่ือขอความรํวมมือในการตอบแบบสอบถามไปด๎วย โดยแจ๎งให๎ทราบถึงผู๎ด าเนินการวิจัย ชื่อโครงการวิจัย วัตถุประสงค์ของการวิจัย ประโยชน์ที่จะได๎ และเหตุผลที่ต๎องสํงแบบสอบถามมาให๎ตอบ ควรเน๎นถึงผลส าเร็จของโครงการวิจัยนี้ขึ้นอยูํกับความรํวมมือในการตอบแบบสอบถามของผู๎ตอบ และควรแจ๎งให๎ผู๎ตอบทราบวํา ค าตอบที่ได๎จะปกปิดเป็นความลับ และจ าน ามาวิเคราะห์ในทางวิชาการเทํานั้น รวมทั้งก าหนดวันที่จะสํงแบบสอบถามกลับคืนด๎วย ควรก าหนดรหัสแบบสอบถามไว๎ทุกชุด เรียงตามล าดับหมายเลข เพ่ือจะได๎รู๎วําแบบสอบถามนั้นสํงไปให๎ใครจะได๎ติดตามได๎เมื่อไมํได๎รับแบบสอบถามคืนภายในก าหนดเวลา เมื่อถึงก าหนดเวลาแล๎วยังไมํได๎รับคืน อาจท าได๎โดยสํงหนังสือทวงถาม ถ๎าไมํได๎รับอีกให๎ทวงเป็นครั้งที ่ 2 โดยแนบแบบสอบถามชุดใหมํไปด๎วย ถ๎าไมํได๎รับคืนอีกก็สมควรตัดทิ้งไป การสํงแบบสอบถามไปทางไปรษณีย์อาจกระท าได๎โดยพับตัวแบบสอบถามหรือใสํซอง ถ๎าใช๎วิธีพับเวลาผู๎วิจัยสํงไปก็จะต๎องพับสํวนที่มีชื่อผู๎รับไว๎ข๎างนอก และชื่อของผู๎วิจัยไว๎ข๎างใน พร๎อมทั้งติด สแตมป์ทั้งไปและกลับ แตํถ๎าใช๎วิธีใสํซองจะต๎องแนบซองที่มีชื่อที่อยูํของผู๎วิจัยให๎สํงกลับคืน ติดแสตมป์ให๎เรียบร๎อยไปในซองแบบสอบถามท่ีสํงนั้น ข้อดี - ข้อจ ากัดของแบบสอบถาม ในการเก็บรวบรวมข๎อมูลโดยใช๎แบบสอบถามมีข๎อดีหลายประการดังนี้ (1) ประหยัดเวลาและคําใช๎จําย (2) สะดวกเมื่อต๎องการรวบรวมข๎อมูลจากลุํมตัวอยํางที่มีมาก (3) สรุปได๎ดีกวําวิธีอ่ืน เพราะผู๎ตอบต๎องตอบข๎อความที่เหมือนกันและแบบฟอร์มเดียวกัน เป็นการควบคุมสภาวะการณ์ได๎คล๎ายคลึงกัน (4) ผู๎ตอบมีเวลาตอบในการตอบมากและยังสามารถเลือกเวลาที่ต๎องการจะตอบได๎ด๎วย (กรณีสํงแบบสอบถามทางไปรษณีย์) (5) สามารถควบคุมให๎แบบสอบถามถึงมือผู๎ตอบในเวลาไลํเลี่ยกัน (กรณีน าแบบสอบถามไปสํงเอง) ท าให๎ผู๎ตอบได๎แสดงความคิดเห็น ในเวลาใกล๎เคียงกัน (6) แบบสอบถามจะถึงมือผู๎รับแนํนอนกวําการออกไปสัมภาษณ์ ซึ่งผู๎ตอบอาจไมํอยูํบ๎าน ไมํวําง หรือไมํยินดีให๎สัมภาษณ์ แตํการใช๎แบบสอบถามมีข๎อจ ากัดดังนี้ (1) ขาดการติดตํอกับกลุํมตัวอยํางโดยตรง (สํงผํานไปรษณีย์) จึงไมํแนํใจวําจะได๎ข๎อมูลมาจากใจจริงของผู๎ตอบหรือไมํ และกลุํมตัวอยํางอาจไมํได๎ตอบเองให๎ผู๎อื่นตอบแทนก็ได๎ ซึ่งท าให๎เกิดการผิดพลาดได๎ (2) ไมํสามารถใช๎กลุํมตัวอยํางท่ีอํานและเขียนหนังสือได๎

Page 26: องค์ความรู้ เรื่อง203.157.10.11/pmqa53/wp-content/uploads/km/data.pdf · 2011-03-22 · 2 การด าเนินการตามระบบคุณภาพที่ส

22

(3) มีลักษณะยืดหยุํนน๎อย ผู๎ตอบอาจไมํเข๎าใจค าถามหรือเข๎าใจไปอีกด๎านหนึ่ง อาจจะไมํตอบมาเลย หรือไมํตรงกับความเป็นจริง หรือไมํเห็นความส าคัญ อาจละเลยไมํตอบหรือขาดการพิจารณาในการตอบให๎รอบคอบ ท าให๎ขาดความเชื่อถือได๎ และไมํสามารถกลับไปสอบถามหาค าตอบที่แท๎จริงได๎อีก (4) โดยปกติแบบสอบถามจะสั้น กระทัดรัด ดังนั้นจึงมีค าถามจ ากัด (5) ความต๎องการหรือความรู๎สึกล าเอียงของผู๎สร๎างแบบสอบถาม อาจมีผลตํอการสร๎างข๎อค าถามเพราะผู๎สร๎างมีจิตใจแนํวแนํที่ต๎องการค าตอบพิสูจน์วําสมมุติฐานที่สร๎างขึ้นเป็นจริง โดยสรุปการเก็บรวบรวมข๎อมูลสนาม ท าได๎ 3 วิธี คือ การสังเกต การสัมภาษณ์ และการใช๎แบบสอบถามทั้ง 3 วิธี ก็มีหลัก วิธีการ ข๎อดี-ข๎อจ ากัดตําง ๆ กัน ผู๎ควรศึกษาและเลือกวิธีให๎เหมาะสมกับข๎อมูลที่จะเก็บ ความถนัดของผู๎วิจัยหรือผู๎เก็บข๎อมูล เวลาและงบประมาณ โดยทั่วไปการเก็บรวบรวมข๎อมูลนิยมเก็ยรวบรวมข๎อมูล สนามมาก และวิธีการที่นิยมใช๎นั้นขึ้นกับประชากรเวลา และงบประมาณของผู๎วิจัย ถ๎าประชากรเป็นเกษตรกร มักจะเก็บรวบรวมข๎อมูลโดยการสัมภาษณ์เพราะเกษตรกรเข๎าใจงําย และถึงแม๎วําจะอํานไมํออกเขียนไมํได๎ก็สามารถให๎ข๎อมูลได๎ และอาจใช๎การสังเกตประกอบด๎วย ในการสัมภาษณ์นั้นมักสัมภาษณ์ประเภทมีโครงสร๎าง โดยมากจะสัมภาษณ์ตามแบบสัมภาษณ์ที่มีข๎อค าถามและมีแนวตอบไว๎ให๎เลือก หรือสัมภาษณ์ตามแบบสอบถามที่น ามาใช๎ในลักษณะเป็นแบบสัมภาษณ์ โดยที่ผู๎สัมภาษณ์หรือผู๎เก็บรวบรวมข๎อมูลหรือผู๎วิจัยจะเป็นคนถามและอาจบอกค าตอบให๎ผู๎ตอบเลือกตอบตามแนวตอบที่ก าหนดไว๎ เนื่องจากเกษตรกรสํวนใหญํมีระดับการศึกษาไมํสูง ซึ่งสํวนใหญํไมํใชํเกษตรกร นิยมเก็บข๎อมูลโดยการใช๎แบบสอบถาม เพราะผู๎วิจัยมีความสะดวกในการใช๎ ประหยัดเวลา คําใช๎จําย และสามารถใช๎กับประชากรหรือกลุํมตัวอยํางที่มีขนาดใหญํกวําการเก็บรวบรวมข๎อมูลด๎วยการสัมภาษณ์เพราะการสัมภาษณ์ต๎องเสียเวลาและคําใช๎จํายสูง จึงไมํสามารถใช๎กลุํมตัวอยํางขนาดใหญํได๎ การจัดท าคู่มือการจัดเก็บข้อมูลและทดลองใช้

ในการปฏิบัติงานเก็บรวบรวมข๎อมูลนั้น มีผู๎ปฏิบัติงานเป็นจ านวนมาก จึงจ าเป็นต๎องจัดท าคูํมือขึ้น เพ่ือให๎ผู๎ปฏิบัติงานมีความรู๎ความเข๎าใจที่ถูกต๎องตรงกันในทุกขั้นตอนของการปฏิบัติงาน ซึ่งจะท าให๎การปฏิบัติงานโดยรวมมีความถูกต๎องและเป็นไปในแนวทางเดียวกัน คูํมือการปฏิบัติงานเก็บรวบรวมข๎อมูล ควรประกอบด๎วย วัตถุประสงค์ ขอบขํายและค๎ุมรวม วิธีการเก็บรวบรวมข๎อมูล หลักทั่วไปในการปฏิบัติงานสนาม ค าจ ากัดความของค าตํางๆ ที่ใช๎ในการเก็บรวบรวมข๎อมูล การเลือกตัวอยําง การใช๎แผนที่ การบันทึกแบบสอบถามทั้งแบบนับจดและแบบแจงนับและการบันทึกแบบธุรการ

เมื่อจัดท าแบบสอบถามเสร็จแล๎ว ควรท าการทดสอบแบบสอบถามกํอนที่จะใช๎ในการปฏิบัติงานจริง เพ่ือหาข๎อบกพรํองหรือความไมํสมบูรณ์ของแบบสอบถาม โดยการเลือกกลุํมตัวอยํางที่คล๎ายคลึงกับประชากรเป้าหมายและใช๎วิธีการเก็บรวบรวมข๎อมูลเชํนเดียวกับที่จะปฏิบัติงานจริง เพ่ือทดสอบความเหมาะสมของแบบสอบถามในประเด็นตํางๆ เชํน ค าถามยากเกินไปหรือไมํ ค าถามสื่อความหมายได๎ชัดเจน

Page 27: องค์ความรู้ เรื่อง203.157.10.11/pmqa53/wp-content/uploads/km/data.pdf · 2011-03-22 · 2 การด าเนินการตามระบบคุณภาพที่ส

23

หรือไม ํการจัดล าดับค าถามและรูปแบบของแบบสอบถามเหมาะสมหรือไมํ เป็นต๎น แล๎วน าผลการทดสอบแบบมาสรุปปัญหาตํางๆ เพ่ือปรับปรุงแก๎ไขแบบสอบถามให๎เป็นแบบสอบถามที่สมบูรณ์ นอกจากนั้นการทดสอบแบบยังท าให๎ทราบวํา แบบสอบถามแตํละแบบจะต๎องใช๎เวลาในการสัมภาษณ์มากน๎อยเพียงใด การให๎ความรํวมมือของผู๎ตอบสัมภาษณ์เป็นอยํางไร เพ่ือใช๎ในการเตรียมงานสนามด๎วย

การจัดท าส ามะโน/ส ารวจ ควรมีการประเมินคุณภาพของข๎อมูล เพ่ือให๎ผู๎ใช๎ข๎อมูลทราบถึงระดับคุณภาพของข๎อมูลที่จะน าไปใช๎ ในการประเมินความครบถ๎วนและความแมํนย าของข๎อมูลนั้นใช๎วิธีการส ารวจภายหลังการแจงนับ (Post Enumeration Survey : PES) ซึ่งเป็นการส ารวจซ้ าในเขตปฏิบัติงานที่เลือกเป็นตัวอยํางจากเขตปฏิบัติงานที่มีการปฏิบัติงานจริง เพ่ือประเมินความคลาดเคลื่อนของข๎อมูลดังนี้

ความคลาดเคลื่อนของคุ๎มรวม (Coverage Error) หมายถึง ความคลาดเคลื่อนในยอดรวมของประชากร ซึ่งเกิดจากการนับขาด นับเกิน หรือนับซ้ า

ความคลาดเคลื่อนของรายละเอียด (Content Error) หมายถึง ความคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับรายละเอียดของประชากร เชํน ความคลาดเคลื่อนของอายุ อาชีพ ระดับการศึกษา เป็นต๎น

การวางแผนและเตรียมงานในการส ารวจภายหลังการแจงนับ ได๎แกํ การเลือกรายการข๎อมูลที่ต๎องการตรวจสอบ การเตรียมแบบสอบถาม การจัดท าคูํมือการปฏิบัติงานเก็บรวบรวมข๎อมูล การเลือกตัวอยําง ซึ่งจะเป็นการเลือกตัวอยํางจากเขตปฏิบัติงานของส ามะโนหรือจากตัวอยํางของการส ารวจ (Sub Sample)

การรายงานผลการจัดเก็บข้อมูล

เป็นการน าเสนอผลการจัดเก็บข๎อมูลที่ได๎ โดยควรน าเสนอในรูปแบบตารางข๎อมูล กราฟ และรูปภาพ มีการอธิบายเหตุผลที่ท าให๎ได๎ข๎อมูลเชํนนั้น รวมทั้งมีการเปรียบเทียบ และตีความข๎อมูลที่ได๎ เชํน

Page 28: องค์ความรู้ เรื่อง203.157.10.11/pmqa53/wp-content/uploads/km/data.pdf · 2011-03-22 · 2 การด าเนินการตามระบบคุณภาพที่ส

24

Page 29: องค์ความรู้ เรื่อง203.157.10.11/pmqa53/wp-content/uploads/km/data.pdf · 2011-03-22 · 2 การด าเนินการตามระบบคุณภาพที่ส

25

บรรณานุกรม

โกลด์ฮิพส์ ดอดคอม. (2553). กราฟ(ออนไลน์). สืบค๎นจาก : http://www.goldhips.com/board/viewtopic.php?p=1567 [28 กรกฎาคม 2553]

ทวีศักดิ์ แสงทอง. (2550). ระบการจัดเก็บข๎อมูลงํายๆ ส าหรับธุรกิจขนาดกลางและเล็ก (ออนไลน์). สืบค๎นจาก : http://www.newswit.com/news [1 กรกฎาคม 2553]

โรงพยาบาลพัทลุง. (2551). การจัดเก็บข๎อมูลโรคจากการประกอบอาชีพ (ออนไลน์). สืบค๎นจาก : http://www.ptlhosp.go.th/occ/pdataocc.html [1 กรกฎาคม 2553]

ศูนย์ข๎อมูลขําวสารเมืองพัทยา. (2550). การจัดเก็บข๎อมูล จปฐ. (ออนไลน์). สืบค๎นจาก : http://info.pattaya.go.th/km/socialwelfare [1 กรกฎาคม 2553]

เสนีย์วรรณ เสนีย์ยุทธ์. (2551). การเก็บข๎อมูลทางการตลาด (ออนไลน์). สืบค๎นจาก : http://www.webcenter.name [1 กรกฎาคม 2553]

ส านักงานสํงเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แหํงชาติ (องค์การมหาชน) และสมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย. (2550). คูํมือประกอบการฝึกอบเชิงปฏิบัติการ การติดตั้งระบบเก็บข๎อมูลจราจร (Traffic Data) ตามพรบ. วําด๎วยการกระท าผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 (ออนไลท์). สืบค๎นจาก : http://www.netthailand.com/home [1 กรกฎาคม 2553]

Page 30: องค์ความรู้ เรื่อง203.157.10.11/pmqa53/wp-content/uploads/km/data.pdf · 2011-03-22 · 2 การด าเนินการตามระบบคุณภาพที่ส